คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเช่าบ้านของโจทก์แล้วไปต่อเติมบ้านของโจทก์ โดยพลการ โดยถือว่าเป็นบ้านของตนเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้เช่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 558 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยผู้เช่าทำให้บ้านของโจทก์กลับคืนคงสภาพเดิม ทั้งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การดัดแปลงต่อเติมด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลยเป็นภรรยานายธวัชน้องชายโจทก์ โจทก์ให้จำเลยและนายธวัชอยู่อาศัยในบ้านดังกล่าว ต่อมานายธวัชถึงแก่กรรม จำเลยมีสามีใหม่ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงแจ้งให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกไป จำเลยไม่ยอมออกจึงฟ้องขอให้ศาลบังคับขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า บ้านที่โจทก์ฟ้องนี้หลังเดิมเป็นของโจทก์จริง แต่โจทก์ได้ขายบ้านนั้นพร้อมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้จำเลยและนายธวัชสามีจำเลยแล้วต่อมาจำเลยและนายธวัชได้รื้อบ้านหลังเดิมแล้วปลูกใหม่สิ้นเงินไปไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ครั้นนายธวัชถึงแก่กรรม จำเลยและบุตรรับมรดกบ้านหลังนี้ ต่อมา บ้านหลังปัจจุบันจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและบุตร ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์จัดการยื่นคำร้องต่อการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อโอนสิทธิการเช่าที่ดินอันเป็นที่ตั้งทรัพย์พิพาทให้แก่จำเลย ถ้าไม่อาจบังคับได้ ก็ขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้ลงทุนปลูกสร้างบ้านหลังพิพาทใหม่เป็นเงิน 100,000 บาท ให้จำเลยด้วย

บุตรของจำเลยยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ขายบ้านให้แก่นายธวัชและไม่เคยตกลงว่าจะโอนสิทธิการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้จำเลย บ้านหลังพิพาทมิได้มีการรื้อแล้วปลูกใหม่ขึ้นทั้งหลัง เพียงแต่จำเลยได้ต่อเติมปรับปรุงบางส่วนขึ้นเท่านั้นซึ่งจำเลยทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์จึงตกเป็นส่วนควบของบ้านโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าต่อเติมบ้านจากโจทก์ได้ นอกจากนี้หลังจากนายธวัชถึงแก่กรรมจำเลยยังได้ทำหนังสือสัญญาเช่าบ้านนี้ให้โจทก์ไว้ ขอให้ศาลยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้ขายบ้านให้นายธวัชสามีจำเลยหลังจากสามีจำเลยถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยยังได้ทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทให้โจทก์ไว้ด้วยพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาทให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ให้โจทก์ชดใช้ค่าใช้จ่ายที่จำเลยเสียไปในการปรับปรุงบ้านพิพาทเป็นเงิน 30,000 บาท แก่จำเลย

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันฟังยุติได้ว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ โจทก์ไม่ได้ขายบ้านพิพาทให้แก่จำเลย

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ควรต้องชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแย้งเพิ่มให้แก่จำเลยอีก 70,000 บาทนั้น เห็นว่า การที่จำเลยเช่าบ้านของโจทก์แล้วไปต่อเติมบ้านของโจทก์โดยพลการโดยถือว่าเป็นบ้านของตนเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 558 ซึ่งบัญญัติว่าอันทรัพย์สินที่เช่านั้น ถ้ามิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่าก่อน ผู้เช่าจะทำการดัดแปลงหรือต่อเติมอย่างหนึ่งอย่างใดหาได้ไม่ ถ้าและผู้เช่าทำไปโดยมิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่านั้นไซร้ เมื่อผู้ให้เช่าเรียกร้องเช่าจะต้องทำให้ทรัพย์สินนั้นกลับคืนคงสภาพเดิมทั้งจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆอันเกิดแต่การดัดแปลงต่อเติมด้วย ฉะนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าดัดแปลงต่อเดิมให้จำเลยเป็นเงิน30,000 บาทนั้น เป็นผลดีแก่จำเลยมากแล้ว

พิพากษายืน

Share