คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยประกาศเรียกประมูลให้เช่าลานพื้นคอนกรีต โจทก์เป็นผู้เข้าประมูลโดยเสนอให้ผลประโยชน์สูงกว่าผู้เข้าประมูลอื่น เมื่อปรากฏว่ามีเงื่อนไขการประมูลกำหนดไว้ให้จำเลยมีสิทธิที่ยกเลิกการประมูลครั้งนี้เสียก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดและผู้เข้าประมูลไม่มีสิทธิเรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้นจากจำเลย ดังนี้เห็นได้ว่าแม้มีผู้เข้าประมูลแล้ว จำเลยก็มีสิทธิยกเลิกการประมูลได้ เมื่อจำเลยไม่ต้องผูกพันทำสัญญาตามประกาศ ประกาศนั้นจึงไม่เป็นคำเสนอของจำเลย ถือได้เพียงว่าเป็นคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น หนังสือประมูลของโจทก์จึงจะนับได้ว่าเป็นคำเสนอ
หนังสือประมูลของโจทก์เป็นคำเสนอ แต่ตามเงื่อนไขการประมูลจำเลยมีสิทธิยกเลิกการประมูล และมีเอกสิทธิที่จะตัดสินให้ผู้ประมูลรายใดเป็นผู้ชนะการประมูลก็ได้ และกำหนดว่าผู้ประมูลได้จะต้องทำสัญญาเช่ากับจำเลยตามแบบของจำเลยภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากกองกฎหมายของจำเลยฉะนั้นเมื่อจำเลยยกเลิกการประมูลเสีย อันเป็นการบอกปัดคำเสนอ โดยยังไม่มีการตัดสินและไม่มีการทำสัญญาเป็นหนังสือ สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้นจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญามิได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยยกเลิกการประมูลโดยไม่สุจริต เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่เมื่อยังไม่มีสัญญาผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลย การยกเลิกการประมูลย่อมไม่ทำให้เสียหายแก่สิทธิของโจทก์ ทั้งโจทก์ก็มีคำขอเพียงให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่า ส่งมอบที่เช่าและห้ามนำที่นั้นไปให้ผู้อื่นเช่า ซึ่งเป็นคำขอในกรณีมีสัญญาและให้ปฏิบัติตามสัญญานั้นหาได้ขอค่าสินไหมทดแทนไม่ จึงบังคับให้ไม่ได้ ดังนี้จึงไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาสืบพยานต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเสนอให้โจทก์เช่าที่ดินบริเวณพื้นคอนกรีตตลาดคลองเตย โดยกำหนดเงื่อนไขว่าผู้ใดประมูลให้เงินสดตอบแทน และให้ค่าเช่าสูงสุด ผู้นั้นจะเป็นผู้ทำสัญญาเช่ากับจำเลย ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ประมูลได้ตรงตามเงื่อนไขของจำเลยทุกประการ จำเลยจึงมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ต้องส่งมอบที่ดินและทำสัญญาเช่าให้โจทก์เป็นหลักฐาน แต่จำเลยเพิกเฉยเนื่องจากมีผู้ประมูลรายอื่นเสนอผลประโยชน์กันเป็นการส่วนตัว จริงอยู่จำเลยมีเอกสิทธิในการพิจารณาที่จะอนุมัติให้ผู้ประมูลรายใดเป็นผู้ชนะการประมูลก็ได้ แต่การใช้สิทธินั้นจะต้องกระทำโดยสุจริต จำเลยกลับมายกเลิกการประมูล จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้พิพากษาให้จำเลยทำสัญญาเช่า ส่งมอบที่ดินบริเวณลานคอนกรีตให้แก่โจทก์ ห้ามไม่ให้จำเลยนำที่ดินดังกล่าวทำสัญญาเช่ากับบุคคลอื่น
จำเลยให้การว่า การที่โจทก์เข้าประมูลโดยการเสนอในใบเสนอราคาไม่มช่เป็นคำสนองตอบรับคำเสนอ จำเลยมีเอกสิทธิที่จะตัดสินให้ผู้ประมูลรายใดเป็นผู้ชนะการประมูลได้ ทั้งจำเลยมีสิทธิยกเลิกการประมูลได้ตามเงื่อนไขข้อ ๑๕ ใบเสนอราคาประมูลของโจทก์ทำผิดเงื่อนไขการประมูล โจทก์ไม่มีความสุจริตใจในการเข้าประมูล จำเลยได้ประกาศยกเลิกการประมูลครั้งนี้ตามเงื่อนไขการประมูลข้อ ๑๕ ตามสิทธิของจำเลยโดยสุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความประสงค์จะเรียกประมูลให้เช่าลานคอนกรีต ตลาดคลองเตย จึงออกประกาศเรื่องการประมูลให้เช่าลานคอนกรีต โดยผู้เข้าประมูลต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการประมูลที่จำเลยเป็นผู้กำหนด โจทก์เป็นผู้หนึ่งที่เข้าประมูล ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้เสนอให้ผลประโยชน์สูงกว่าผู้เข้าประมูลอื่น ต่อมาจำเลยได้ประกาศยกเลิกการประมูลนี้ โดยไม่ได้ประกาศตัดสินให้ผู้ใดเป็นผู้ชนะการประมูลและโจทก์ยังไม่ได้รับหนังสือจากกองกฎหมายให้ไปทำสัญญากับจำเลย และวินิจฉัยว่า พิจารณาแล้ว เงื่อนไขการประมูลข้อ ๑๕ กำหนดว่า “การท่าเรือ ฯ มีสิทธิที่ยกเลิกการประมูลครั้งนี้เสียก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดและผู้เข้าประมูลไม่มีสิทธิเรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น จากการท่าเรือ” เห็นได้ว่าแม้มีผู้เข้าประมูลแล้วจำเลยก็มีสิทธิยกเลิกการประมูลได้ เมื่อจำเลยไม่ต้องผูกพันทำสัญญาตามประกาศ ประกาศนั้นจึงไม่เป็นคำเสนอของจำเลย ถือได้เพียงว่าเป็นคำเชื้อเชิญให้ทำเสนอเท่านั้น หนังสือประมูลของโจทก์จึงนับได้ว่าเป็นคำเสนอ นอกจากนั้น เงื่อนไขการประมูล ข้อ ๑๖ กำหนดว่า จำเลยมีเอกสิทธิที่จะตัดสินให้ผู้ประมูลรายใดเป็นผู้ชนะการประมูลก็ได้ และข้อ ๑๓ กำหนดว่า ผู้ประมูลได้จะต้องทำสัญญาเช่ากับจำเลยตามแบบของจำเลยภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากกองกฎหมายของจำเลย ฉะนั้น เมื่อจำเลยยกเลิกการประมูลเสีย อันเป็นการบอกปัดคำเสนอ โดยยังไม่มีการตัดสินและยังไม่มีการทำสัญญาเป็นหนังสือ สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น จะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญามิได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยยกเลิกการประมูลโดยไม่สุจริตเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อยังไม่มีสัญญาดังกล่าวแล้ว การยกเลิกการประมูลย่อมไม่ทำให้เสียหายแก่สิทธิของโจทก์ ทั้งโจทก์ก็มีคำขอเพียงให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่า ส่งมอบที่เช่าและห้ามนำที่นั้นไปให้ผู้อื่นเช่า ซึ่งเป็นคำขอในกรณีมีสัญญาและปฏิบัติตามสัญญานั้น หาได้ขอค่าสินไหมทดแทนไม่ จึงบังคับให้ไม่ได้ ไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาสืบพยานต่อไป
พิพากษายืน

Share