คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2855/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 3ที่ 4 อันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบตามฟ้องของโจทก์มิได้เรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นของโจทก์เพียงแต่ขอให้ที่ดินกลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2ลูกหนี้ตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันกู้ยืมเงินโจทก์ 120,000 บาทต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้โอนที่ดินพิพาทซึ่งป็นหลักประกันในสัญญากู้เงินให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ 4 โดยเสน่หา โดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนการโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับตามฟ้องโจทก์ทุกประการ

จำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 3 ที่ 4 รับโอนที่ดินพิพาทโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต เพราะจำเลยที่ 3 ที่ 4 ออกเงินไถ่ถอนจำนองให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทั้งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ อีกมาก ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า การทำนิติกรรมยกให้ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ไม่เป็นการฉ้อฉลโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้ ปรากฏว่าโจทก์มิได้เรียกร้องเอาที่ดินพิพาทมาเป็นของโจทก์ เพียงแต่ขอให้ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์

พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ที่เสียมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์คงเรียกไว้อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ทั้งสามศาล

Share