คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความมีพยานลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือสองคนคู่สัญญาคนหนึ่งมาลงลายพิมพ์นิ้วมือให้ในภายหลังซึ่งพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือที่ได้ลงชื่อเป็นพยานไว้ก่อนไม่รู้เห็นด้วย จึงเป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคน สัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่เป็นหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 ประกอบด้วย มาตรา 9 วรรค 3 จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้แม้เรื่องนี้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อเห็นสมควร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งนามรดกกัน ต่อมาโจทก์จะขายส่วนของตน จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของนาแต่ฝ่ายเดียว ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่าไม่เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ได้มีการจัดให้จำเลยลงลายมือชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือไม่ทราบข้อความเพราะจำเลยทุกคนไม่รู้หนังสือและไม่ได้อ่านให้ฟัง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นหลักฐานการไม่ยอมแบ่งแยกที่พิพาท

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ไม่เชื่อว่าจำเลยตกลงแบ่งให้โจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทคนละ 1 ส่วน รวมเป็น 2 ส่วนใน 7 ส่วน ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีโจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ลงลายพิมพ์นิ้วมือ มี ด.และ จ. ลงลายมือชื่อเป็นพยาน (รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ) จำเลยที่ 1 มิได้ลงลายพิมพ์นิ้วมือในขณะทำสัญญานั้น แต่ได้กระทำในภายหลังโดยพยานรับรองลายมือชื่อไม่รู้เห็นเกี่ยวกับลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 1 จึงเป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคน สัญญาดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 ประกอบด้วยมาตรา 9 วรรคสาม โจทก์จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แม้เรื่องนี้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เมื่อเห็นสมควร

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share