คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุที่จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์ล่าช้าเป็นเพราะระเบียบการจ่ายเงินเป็นการภายในซึ่งจำเลยได้วางหลักเกณฑ์ไว้เอง จึงยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยมิต้องรับผิดหาได้ไม่ เมื่อจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์หลังจากที่จำเลยได้รับเรื่องการขอเบิกค่าล่วงเวลาของโจทก์เกิน 30 วัน นับแต่โจทก์ทำงานล่วงเวลาเสร็จสิ้นลงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดนับแต่วันที่จำเลยได้รับเรื่องการขอเบิกค่าล่วงเวลาของโจทก์ ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 31วรรคแรก แต่เมื่อจำเลยได้รับเรื่องการขอเบิกค่าล่วงเวลาจากโจทก์ จำเลยก็ได้พยายามดำเนินการ โดยมิได้หน่วงเหนี่ยวหรือจงใจทำให้ล่าช้า จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจผิดนัดโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรอันเป็นผลให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มตามประกาศดังกล่าว ข้อ 31 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ระบุว่า การจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ฯลฯ ต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างอย่างช้าภายในกำหนด 30 วัน นับแต่ลูกจ้างได้ทำงานเสร็จ หากพ้นกำหนดต้องคิดดอกเบี้ยให้ตามกฎหมาย จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินตามข้อตกลงดังกล่าวภายในกำหนดโดยจงใจ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุดและค่าทำงานในวันหยุดดอกเบี้ย และเงินเพิ่มของเงินดังกล่าว

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้จงใจผิดนัดในการจ่ายค่าล่วงเวลาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เหตุที่จ่ายค่าล่วงเวลาล่าช้าเพราะการทำงานล่วงเวลาของโจทก์เป็นกรณีฉุกเฉินเนื่องจากน้ำท่วมอาคารที่จำเลยให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ จำเลยจึงต้องระดมลูกจ้างมาทำงานเพื่อป้องกันแก้ไข เป็นการทำงานในกรณีพิเศษและเร่งด่วนอยู่นอกเหนือไปจากแผนงานและความคาดหมาย เป็นการทำงานล่วงเวลาที่นอกเหนือไปจากจำนวนเงินที่จำเลยกำหนดไว้ในงบประมาณประจำปีเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทำงานล่วงเวลา ทำให้เงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณประจำปีส่วนนี้ไม่พอจ่าย จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ การจ่ายเงินนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในงบประมาณประจำปีไม่อาจกระทำได้ในทันทีต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ตลอดจนมติของคณะรัฐมนตรี จึงทำให้การจ่ายค่าล่วงเวลาต้องล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดีโจทก์ได้รับค่าล่วงเวลาตามฟ้องไปแล้ว จำเลยจึงไม่จำต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินเพิ่มให้แต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเพิ่งจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้โจทก์เป็นเพราะพฤติการณ์ซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากจำเลยต้องปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ จึงไม่เป็นการผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 205 จำเลยจึงไม่ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ และมิต้องชำระเงินเพิ่มเช่นกันเพราะมิใช่เป็นเรื่องจำเลยจงใจผิดนัดในการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งหกสิบเอ็ดอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าเมื่อจำเลยได้รับเอกสารทำงานล่วงเวลาของโจทก์ จำเลยไม่มีเงินที่จะจ่ายให้โจทก์ เนื่องจากการทำงานล่วงเวลาคราวเกิดเหตุเป็นการทำงานล่วงเวลาที่ไม่ใช่เป็นการทำงานล่วงเวลาตามปกติ ไม่สามารถนำเงินในหมวดค่าล่วงเวลาในงบทำการมาจ่ายได้ จะต้องนำเงินในงบกรณีจำเป็นและเร่งด่วนมาใช้ ซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีก่อนจึงทำให้การจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ล่าช้า เหตุดังกล่าวเป็นระเบียบการจ่ายเงินเป็นการภายในซึ่งจำเลยได้วางเป็นหลักเกณฑ์ไว้เองจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยมิต้องรับผิดหาได้ไม่จำเลยได้รับเรื่องการขอเบิกค่าล่วงเวลาของโจกท์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2523 ซึ่งล่วงเลยกำหนด 30 วัน นับแต่โจทก์ทำงานล่วงเวลาเสร็จสิ้นลงแล้ว และเพิ่งจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้โจทก์เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2524 ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2523 เป็นต้นมา จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ระหว่างกำหนดระยะเวลาดังกล่าวตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ดี เมื่อจำเลยได้รับเรื่องการขอเบิกค่าล่วงเวลาจากโจทก์แล้ว จำเลยก็ได้พยายามดำเนินการขออนุมัติโดยมิได้หน่วงเหนี่ยวหรือจงใจทำให้ล่าช้า จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจผิดนัดโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร อันเป็นผลให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 31 วรรคสอง จำเลยคงต้องรับผิดเฉพาะจ่ายดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามประกาศดังกล่าว ข้อ 31 วรรคแรก เท่านั้นส่วนจำเลยจะต้องรับผิดจ่ายดอกเบี้ยให้โจทก์แต่ละคน คนละเท่าใดเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางจะต้องวินิจฉัย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะที่พิพากษาว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งหกสิบเอ็ดและให้ศาลแรงงานกลางพิพากษาเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งหกสิบเอ็ดต่อไป นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง

Share