คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาจำเลยให้โจทก์อาศัยอยู่บนที่ดินพิพาทโดยไม่มีเจตนายกให้แม้โจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทไว้ตามใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งให้บิดาจำเลยทราบ จึงยังไม่ถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนการครอบครองจากผู้อาศัยมาเป็นครอบครองเพื่อตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว คดีนี้เป็นคดีที่พิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองที่ดินจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ตามตาราง 6 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแม้โจทก์จะไม่ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดิน ส.ค.1 ที่ได้รับมอบมาจากนายหมัดบิดาจำเลยอย่างต่อเนื่องโดยสุจริต โดยสงบเปิดเผย และโดยเจตนาเป็นเจ้าของและโจทก์ได้ไปแจ้งสิทธิครอบครองส.ค.2 แล้ว ต่อมาจำเลยได้นำเจ้าพนักงานที่ดินออกรังวัดที่ดินที่ได้ยื่นคำขอไว้ทับที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่ทั้งแปลง โจทก์จึงไปยื่นเรื่องราวคัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินจึงหยุดดำเนินการออกรังวัดที่ดินดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยพร้อมบริวารเข้ารบกวนสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์ต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนบิดาจำเลยตลอดมา โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แม้โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกินกว่า 1 ปี หรือเกินกว่า 10 ปี เมื่อจำเลยยื่นเรื่องราวเพื่อขอออก น.ส.3 และนำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดที่ดิน โจทก์คัดค้านเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถออก น.ส.3 ได้ อันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า โจทก์ได้ติดต่อนายหมัดบิดาจำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทเนื่องจากโจทก์ถูกไล่ที่ แล้วนายหมัดอนุญาตให้โจทก์ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินพิพาท แต่ไม่ได้เจตนาจะยกให้โจทก์ การที่โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจึงเป็นการครอบครองแทนนายหมัดบิดาจำเลยและจำเลยเท่านั้นส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทไว้ตามใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินเพื่อจะได้สิทธินั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งให้นายหมัดบิดาจำเลยทราบ คงไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินเท่านั้น จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้แสงเจตนาเปลี่ยนการครอบครองจากผู้อาศัยมาเป็นการครอบครองเพื่อตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
อนึ่ง คดีนี้มีทุนทรัพย์ 15,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความให้จำเลย 2,000 บาท นั้น เกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้ตามตาราง 6 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้
พิพากษายืน แต่ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยในศาลชั้นต้น1,200 บาท และในชั้นฎีกา 600 บาท

Share