แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วม หนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วมได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่า จำเลยค้างชำระหนี้สินเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ถ่วงเวลาการชำระเงินและมีมารยาทไม่ดีเป็นข้อความที่เห็นได้ว่าอาจเกิดความเสื่อมเสียแก่ฐานะของจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าได้ จำเลยจึงลงพิมพ์โฆษณาข้อความโต้ตอบในหนังสือพิมพ์มีใจความตอนแรกแสดงถึงจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่ามีไม่มาก และต่อมาก็เป็นข้อความว่าโจทก์ร่วม เช่นว่าโจทก์ร่วมมีเจตนาไม่ดี ใช้คำพูดแข็งแกร่ง ไร้เหตุผลเป็นบุคคลต่ำต้อย เหี้ยมเกรียมชั่วร้ายต่อผู้แทน เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ มีวิธีการเลวทรามต่ำช้าไร้มารยาทและไม่มีจรรยาทางหนังสือพิมพ์ ดังนี้ เป็นข้อความที่ตอบโต้เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นได้เข้าใจว่า ผู้ที่กล่าวหาจำเลยเสียหายนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรเชื่อถือ เป็นการกระทำที่ป้องกันความเสียหายของจำเลยโดยตรง และพฤติการณ์ได้เป็นไปโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เฉพาะในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาภายหลังจากโจทก์ร่วมได้โฆษณากล่าวหาจำเลยแล้ว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนตามคลองธรรม จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใส่ความหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยโฆษณาข้อความในหนังสือพิมพ์ภาษาจีนรายวันชื่อ “ฮั้วซึงไคว่เป้า” ว่า “ข้าพเจ้าแต่ไหนแต่ไรมาถือว่านายเกียงเจี๊ยะ แซ่เอง เป็นปัญญาชนที่ควรแก่การเคารพนับถือ แต่ทว่าถ้ายกเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นข้อสังเกต นายเกียงเจี๊ยะ แซ่เองก็เพียงแต่เป็นบุคคลผู้น้อยที่ต่ำต้อย ฯลฯ ข้าพเจ้าไม่เพียงแต่เสียประโยชน์ซึ่งต่อสู้มาเป็นเวลา ๑๖ เดือน และยังถูกนายเกียงเจี๊ยะ แซ่เอง ทำให้อัปยศอย่างไร้มารยาท นายเกียงเจี๊ยะ แซ่เอง เข้าใจว่าตนมีหนังสือพิมพ์อยู่ฉบับหนึ่งก็ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ใช้ความเห็นส่วนตัวยกยอหรือด่าทอ ไม่มีมารยาททางบุคคลเสียเลย และไม่มีจรรยาทางด้านหนังสือพิมพ์ ฯลฯ” เป็นเหตุให้นายเกียงเจี๊ยะ แซ่เอง เสียชื่อเสียง ถูกประชาชนดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่า การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์”เจียะเป้า” ของโจทก์ร่วมมาแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ในวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓ สิงหาคม๒๕๑๔ หนังสือพิมพ์ “เจียะเป้า” ได้ลงพิมพ์ข้อความมีใจความสำคัญว่าหนังสือพิมพ์ “เจียะเป้า” เปลี่ยนผู้แทนจำหน่ายคนใหม่ ห้ามผู้ซื้อชำระเงินต่อผู้แทนจำหน่ายคนเดิม และต่อมาวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๔ ได้ลงพิมพ์ข้อความต่อไปมีใจความว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายคนเดิมค้างชำระค่าหนังสือพิมพ์เป็นจำนวนมากถ่วงเวลาการชำระเงิน และมารยาทที่จำเลยทำต่อผู้อ่านไม่เหมาะสม จึงได้ถอนสิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายของจำเลยครั้นวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๑๔ หนังสือพิมพ์ “ฮั้วซึงไคว่เป้า” ได้พิมพ์ข้อความตามที่โจทก์ฟ้องนี้
ปัญหาว่า จำเลยหมิ่นประมาทใส่ความหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่โจทก์ร่วมลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “เจียะเป้า” อันเป็นมูลทำให้มีการโต้ตอบกัน ได้มีข้อความทำนองว่าจำเลยค้างชำระหนี้สินเป็นจำนวนมากเป็นผู่ถ่วงเวลาการชำระเงิน และมีมารยาทไม่ดีเป็นข้อความที่เห็นได้ว่าอาจเกิดความเสื่อมเสียแก่ฐานะของจำเลย ซึ่งเป็นพ่อค้าได้ สำหรับข้อความที่โจทก์อ้างว่า จำเลยบังอาจใส่ความโจทก์ร่วมนั้นมีใจความสำคัญในตอนแรกแสดงถึงจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่ามีไม่มากและต่อมาก็เป็นข้อความว่าโจทก์ร่วม เช่นว่าโจทก์ร่วมมีเจตนาไม่ดี ใช้คำพูดแข็งแกร่งไร้เหตุผล เป็นบุคคลต่ำต้อย เหี้ยมเกรียมชั่วร้ายต่อผู้แทน เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ มีวิธีการเลวทรามต่ำช้า ไร้มารยาท และไม่มีจรรยาทางหนังสือพิมพ์เหล่านี้เป็นต้น ล้วนแต่เป็นข้อความที่ตอบโต้เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นได้เข้าใจว่า ผู้ที่กล่าวหาว่าจำเลยเสียหายนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรเชื่อถือเป็นการกระทำที่ป้องกันความเสียหายของจำเลยโดยตรง และพฤติการณ์นี้ได้เป็นไปโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เฉพาะในเรื่องที่ว่าจำเลยถูกกล่าวหาภายหลังจากโจทก์ร่วมได้โฆษณากล่าวหา จำเลยทางหนังสือพิมพ์แล้วเช่นเดียวกัน จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อป้องกันตนตามคลองธรรมฉะนั้น แม้จำเลยจะเป็นผู้โฆษณาข้อความตามฟ้อง ก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๑) บัญญัติไว้
พิพากษายืน