แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนั้น เมื่อจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและโจทก์ในคดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้ว ทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ประสงค์จะเข้าว่าคดี หากศาลฎีกาจะพิจารณาพิพากษาคดีไปในชั้นนี้และในที่สุดโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยเป็นฝ่ายชนะคดี ก็ไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลในคดีล้มละลาย นอกจากนี้การอ้างสิทธิในการหักกลบลบหนี้ โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ย่อมดำเนินการได้ในคดีล้มละลายอยู่แล้วตามมาตรา 102 การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์ กรณีเช่นนี้มาตรา 25 ให้อำนาจศาลที่จะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบคืนหรือออกหนังสือยกเลิกเพิกถอน หรือขีดฆ่าให้ไร้ผลซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ออกให้จำเลยตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 ถึง 8 และให้จำเลยเวนคืน หรือขีดฆ่าเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งมูลหนี้กู้เงินตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึง 4 ให้แก่โจทก์ และอ้างว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ตามสัญญากู้เงินที่ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวซึ่งโจทก์เป็นหนี้จำเลยรวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 11,139,510.26 บาท กับหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามตราสารที่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นกู้ของจำเลยรวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 11,152,493.15 บาท ไปยังจำเลยแล้ว โจทก์จึงมิใช่ลูกหนี้ของจำเลยอีกต่อไป โดยโจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ จำเลยให้การว่าจำนวนเงินที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยตามฟ้องไม่ถูกต้อง โจทก์มิใช่ผู้ถือหุ้นกู้ของจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีสิทธินำหนี้ตามหุ้นกู้ดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้ได้ ขอให้ยกฟ้อง ในระหว่างการสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอหักกลบลบหนี้ แต่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิหักกลบลบหนี้ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ 14 มกราคม 2545 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่ง มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ก่อนครบกำหนดดังกล่าวโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มออกไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2545 ต่อมาวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2545 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลให้เวลาพอสมควรแล้ว ไม่มีเหตุสุดวิสัยหรือพฤติการณ์พิเศษ จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ครั้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในกำหนด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยยื่นคำแถลงว่า จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและโจทก์ในคดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ประสงค์จะเข้าว่าคดีแทนจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนคดีนี้ว่าระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยยื่นคำแถลงว่า จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2545 ในคดีหมายเลขแดงที่ 316/2545 ของศาลล้มละลายกลาง และโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้วตามสำเนาคำขอรับชำระหนี้ท้ายคำแถลง ซึ่งอยู่ระหว่างการทำความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อเสนอต่อศาลล้มละลายกลางในคดีดังกล่าว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ประสงค์จะเข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย ในชั้นฎีกาโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาของโจทก์แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อแก้ฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับสำเนาฎีกาของโจทก์แล้วยังคงแถลงไม่ประสงค์จะเข้าว่าคดีแทนจำเลย เห็นว่า เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาก็ตาม และเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้น แล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้หรือไม่ เพียงใด ตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105, 106 และ 107 ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและโจทก์ในคดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้ว หากศาลฎีกาจะพิจารณาพิพากษาคดีไปในชั้นนี้ และแม้ในที่สุดแล้วโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยเป็นฝ่ายชนะคดีตามฟ้องก็ตาม ก็ไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังคงต้องตรวจและสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่โจทก์ขอรับชำระหนี้แล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลในคดีล้มละลายอีกชั้นหนึ่งอยู่นั่นเอง นอกจากนี้การอ้างสิทธิในการหักกลบลบหนี้โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ย่อมดำเนินการได้ในคดีล้มละลายอยู่แล้ว ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102 การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด กรณีเช่นนี้พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 25 ให้อำนาจศาลที่จะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรจำหน่ายคดีตามที่บทกฎหมายดังกล่าวให้อำนาจไว้”
จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ