แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่ผู้เป็นบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาผู้เป็นบุตรบุญธรรมด้วยดังนั้น เมื่อมารดาของผู้เป็นบุตรบุญธรรมมิได้ให้ความยินยอมการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจึงไม่สมบูรณ์
แม้ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมจะเป็นเอกสารมหาชนก็มิใช่ข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดที่จะให้รับฟังตามนั้น จึงนำพยานมาสืบหักล้างได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของหลวงเกตุนุตสงคราม หลวงเกตุนุตสงครามจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยโจทก์ไม่ทราบและไม่เคยให้ความยินยอม ทั้งขณะจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม จำเลยมีอายุ ๑๔ ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะและมารดาจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอม การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของสามีโจทก์ จึงไม่สมบูรณ์ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้น
จำเลยให้การว่า สามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมซึ่งโจทก์ก็ทราบดีมาแต่แรก มารดาจำเลยได้ให้ความยินยอมแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมไม่สมบูรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘๓ และมาตรา ๑๕๘๔ บรรพ ๕ เดิม ที่ใช้บังคับขณะสามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมบัญญัติถึงการรับบุตรบุญธรรมที่ผู้เป็นบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะว่า จะต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาผู้เป็นบุตรบุญธรรม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นางบางมารดาจำเลยมิได้ให้ความยินยอมเมื่อสามีโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม แม้ได้มีการจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว หากมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมาย สำหรับทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.๑ แม้จะเป็นเอกสารมหาชน ก็มิใช่ข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดที่จะให้รับฟังข้อเท็จจริงตามนั้น โจทก์ย่อมนำพยานมาสืบหักล้างได้
พิพากษายืน.