คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของตนนำไปบรรทุกถ่านจากผู้ที่ลักลอบเผา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์เป็นพิเศษซึ่งไม่อาจใช้บังคับแก่รถยนต์ของกลางคันนี้ได้ แต่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีผู้เก็บหาไม้ฟืนซึ่งเป็นของป่าหวงห้าม แล้วทำการเผาเป็นถ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยได้ใช้นายโกสุมภ์ลูกจ้างของจำเลยนำรถยนต์บรรทุกของจำเลยไปบรรทุกถ่านดังกล่าวออกจากที่เผาถ่านโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย และให้ริบรถยนต์ของกลางจำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบรถยนต์ของกลาง

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การริบทรัพย์มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้เป็นพิเศษแล้ว จึงไม่อาจที่จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไปมาปรับใช้แก่การริบรถยนต์ของกลางคดีนี้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอริบรถยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ริบรถยนต์ของกลาง

ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 29, 70 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 คดีมีปัญหาว่าจะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดได้หรือไม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์อยู่ 2 มาตรา คือ มาตรา 74 และมาตรา 74 ทวิ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์เป็นพิเศษ แต่ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ศาลจำต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด ตามมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510 แต่การที่จะริบรถยนต์ของกลางตามมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้นเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาล กรณีปรากฏว่าจำเลยใช้รถยนต์ไปบรรทุกถ่านจากผู้ลักลอบเผาถ่านอีกต่อหนึ่ง หาใช่เป็นผู้ลักลอบเผาถ่านเองไม่จึงเห็นว่าไม่ควรริบรถยนต์ของกลาง

พิพากษายืนในผลโดยไม่ริบรถยนต์ของกลาง

Share