แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกับผู้เสียหายได้เสียเป็นสามีภริยากันผู้เสียหายไปนอนที่บ้านจำเลยบ้างนอนที่บ้านบิดาบ้างถ้าจำเลยให้ไปนอนผู้เสียหายก็ไปแต่บางครั้งผู้เสียหายก็หลบไม่ไปนอนวันเกิดเหตุจำเลยให้ผู้เสียหายไปหาจำเลยแต่ผู้เสียหายไม่ไปและจำเลยมาพบรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายจอดทิ้งไว้จึงนำรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายไปเก็บไว้ที่บ้านจำเลยเพื่อให้ผู้เสียหายไปพบจำเลยดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยเอารถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอารถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายที่เคยได้เสียเป็นสามีภริยากันนั้น ผู้เสียหายเบิกความรับว่า…ผู้เสียหายได้ไป ๆ มา ๆ นอนที่บ้านจำเลยบ้างนอนที่บ้านบิดาบ้าง ผู้เสียหายไม่ได้ทำงานอะไรมีแต่ได้รับเงินจากจำเลยทุกครั้งที่ไปพบจำเลย ต่อมาจำเลยย้ายบ้าน…ผู้เสียหายทำงานรับจ้างซักเสื้อผ้า…ไม่ได้ไปนอนที่บ้านจำเลย แต่ถ้าจำเลยบอกให้ไปนอนผู้เสียหายก็ไป แต่บางครั้งผู้เสียหายก็หลบไม่ไปนอนวันเกิดเหตุจำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลย… แต่ผู้เสียหายไม่ได้ไป… เมื่อผู้เสียหายเบิกความรับดังกล่าวจึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหายได้เสียเป็นสามีภริยากับจำเลยดังที่จำเลยนำสืบ วันเกิดเหตุจำเลยให้ผู้เสียหายไปหาจำเลย แต่ผู้เสียหายไม่ไป จำเลยจึงนำรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายไปเก็บไว้ที่บ้านจำเลยเพื่อให้ผู้เสียหายไปพบจำเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จำเลยจึงไม่ได้เอารถจักรยานสองล้อของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน”.