คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครอง ปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นการได้ทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มา จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ตามมาตรา 1299 วรรคสอง และตามมาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่ดินมาโดยไม่สุจริตจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและ โดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว จำเลยที่ 1 จึงอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๔ ตำบลพลับพลา อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินมีสิทธิครอบครองของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ จำเลยที่ ๑ ได้นำเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองจันทบุรี รังวัดที่ดินของจำเลยที่ ๑ เพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์บางส่วน เจ้าพนักงานที่ดินได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ร้องเรียนต่อจำเลยที่ ๒ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว เฉพาะที่เป็นที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๒ เพิกเฉย ขอศาลพิพากษาว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยที่ ๑ เกี่ยวข้อง ให้จำเลยที่ ๒ สั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองจันทบุรีแก้หนังสือรับรองการทำประโยชน์เสียให้ถูกต้อง
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของจำเลยที่ ๑ เป็นที่หัวไร่ปลายนา จำเลยที่ ๑ ได้จับจองและครอบครองที่พิพาทมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาประมาณ ๔๐ ปีแล้ว เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๑๘ จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นคำร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) แทน ส.ค.๑ เจ้าพนักงานได้ไปทำการรังวัดและได้ออก น.ส.๓ ให้แก่จำเลยที่ ๑ โจทก์เพิ่งซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๔ จากผู้มีชื่อเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ อาณาเขตที่ดินตามโฉนดไม่ถึงที่ดินที่พิพาท โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครอง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้หลายประการ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ได้ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามแผนที่พิพาทสีเขียวประเป็นของโจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๔ โดยซื้อและจดทะเบียนรับโอนมาจากนางเชิญ เขตทองคำ เจ้าของเดิม เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๕ ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ และนับถึงวันที่โจทก์จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปี และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๑ ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ เป็นการได้ทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อจำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มา จำเลยที่ ๑ จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง และสำหรับกรณีนี้เห็นว่าตามมาตรา ๖ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๔ มาจากนางเชิญ เขตทองคำ โดยไม่สุจริต คดีจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวมาจากนางเชิญ เขตทองคำ โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จำเลยที่ ๑ จึงอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๔ ที่จำเลยที่ ๑ ที่ได้มาโดยการครอบครองยันโจทก์ไม่ได้
พิพากษายืน

Share