คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่พิพาท ซึ่งจำเลยได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะ และขอให้จำเลยออกโฉนดที่พิพาทให้โจทก์ เป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาที่ดินที่พิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 รับราชการสังกัดกรมจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 7 เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 18 ไร่2 งาน 6 ตารางวา ราคา 277,725 บาท มาประมาณ 50-60 ปีแล้วโจทก์ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจำเลยที่ 2เป็นเจ้าพนักงานที่ดินขอรังวัดออกโฉนด จำเลยที่ 2 ได้สั่งให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหัวหน้าช่างรังวัดดำเนินการ และจำเลยที่ 3ได้สั่งให้ช่างออกไปทำการรังวัด แล้วจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 เรียกร้องขอแบ่งที่ดินจากโจทก์ แต่โจทก์ไม่ตกลง จำเลยที่ 2 จึงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นโดยไม่ชอบ และต่อมาจำเลยที่ 3 และที่ 4ได้ทำบันทึกเสนอต่อจำเลยที่ 2 ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของรัฐให้ยกเลิกคำขอและขึ้นทะเบียนที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ให้จำเลยที่ 1 และที่ 7 สั่งจำเลยที่ 2สั่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ ให้จำเลยที่ 2ร่วมกับจำเลยที่ 7 ลงนามในโฉนดและแจกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ให้จำเลยที่ 7 สั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบียนที่สาธารณะ และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าการออกโฉนดจะแล้วเสร็จ จำเลยทั้งเจ็ดให้การว่าคำสั่งของจำเลยที่ให้ยกเลิกคำขอของโจทก์และให้ขึ้นทะเบียนที่พิพาทชอบด้วยระเบียบปฏิบัติและกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้ เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ขอให้ศาลยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ การที่ศาลเรียกค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า ฟ้องโจทก์ระบุชัดว่าจำเลยขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มีคำขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่พิพาทให้จำเลยออกโฉนดที่พิพาทให้โจทก์ เช่นนี้เป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ทั้งเมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ อนึ่งโจทก์ยังได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 16 ธันวาคม2524 ขอแก้ไขคำฟ้องว่าโจทก์ขอถือว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ 277,725 บาทแสดงว่า โจทก์เองก็เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่โจทก์เพิ่งมาเปลี่ยนใจในชั้นอุทธรณ์อ้างว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน

Share