แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายที่ดินมือเปล่าอันเป็นสินบริคณห์ ซึ่งสามีลงชื่อเป็นผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวนั้น หาใช่เป็นการขายเฉพาะส่วนของสามีไม่ แต่เป็นการขายทั้งแปลง เพราะสามีย่อมมีอำนาจจำหน่ายทรัพย์สินบริคณห์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 โจทก์จึงไม่จำต้องนำสืบว่าภรรยาได้รู้เห็นยินยอมด้วย
สัญญาซื้อขายที่ดินมือเปล่าซึ่งทำกันเอง เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงว่าผู้ขายได้สละการครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ผู้ซื้อแล้วเท่านั้นเอกสารเช่นนี้ประมวลรัษฎากรหาได้กำหนดไว้ให้ปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใดไม่ จึงรับฟังได้แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้ามาแผ้วถางตัดฟันและเผาอาสินในที่ดินของโจทก์ที่ซื้อมาจากนายเหล็บ นพกะ แล้วจำเลยเข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ดังกล่าว จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของจำเลยโดยได้รับมรดกจากบิดามารดาและปกครองทำประโยชน์ติดต่อกันมา 20 ปีแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะเป็นที่ดินมือเปล่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน จำเลยที่ 1ขายที่พิพาทให้แก่นายหมัด แล้วนายเหล็บบิดานายหมัดนำมาขายต่อให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 มิได้ลงชื่อเป็นผู้ขายในสัญญาซื้อขายด้วยต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ขายที่พิพาทเฉพาะส่วนของตนเป็นจำนวนประมาณ 4 ไร่ พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาทในจำนวนเนื้อที่ 4 ไร่ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในส่วนที่ดินที่ศาลพิพากษาให้เป็นของโจทก์ ค่าเสียหายให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาททั้งแปลงเนื้อที่ 10 ไร่จำเลยบุกรุกตัดฟันและเผาอาสินของโจทก์เสียหาย ขอให้บังคับเต็มตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาททั้งแปลง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ขายที่พิพาทให้แก่นายหมัดและมอบการครอบครองไปแล้ว เป็นการขายทั้งแปลงเนื้อที่ 10 ไร่ ไม่ใช่ขายเฉพาะส่วนเพราะจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจจัดการจำหน่ายสินบริคณห์ได้โดยสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 และที่พิพาทได้มีการขายโอนการครอบครองต่อมาถึงโจทก์ จำเลยได้ตัดฟันผลอาสินของโจทก์เสียหายตามฟ้อง พิพากษาแก้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยที่ 1 ได้ขายให้แก่นายหมัด และมอบการครอบครองให้นายหมัดแล้ว นายหมัดยกให้นายเหล็บผู้เป็นบิดา นายเหล็บนำมาขายต่อและสละการครอบครองให้โจทก์ การที่สัญญาซื้อขายมีจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีลงชื่อเป็นผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวนั้น หาใช่เป็นการขายเฉพาะส่วนของสามีไม่ หากเป็นการขายทั้งแปลง เพราะจำเลยที่ 1 สามีย่อมมีอำนาจจำหน่ายสินบริคณห์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 โจทก์หาจำต้องนำสืบว่าจำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมด้วยไม่
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาซื้อขายไม่ได้ปิดแสตมป์ให้ครบถ้วนตามประมวลรัษฎากรรับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงว่าจำเลยได้สละการครอบครองที่พิพาทให้ผู้ซื้อแล้วเท่านั้น เอกสารเช่นนี้ประมวลรัษฎากรหาได้กำหนดไว้ให้ปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใดไม่จึงรับฟังได้
พิพากษายืน