คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยเป็นการรวบรวมทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123 มิใช่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ในคดีนี้เมื่อยังไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ซึ่งติดจำนองอยู่แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองได้ก่อนเอาที่ดินนั้นออกขายทอดตลาดในคดีนี้ การจัดทำบัญชีรับ – จ่าย ในการบังคับคดีล้มละลายของโจทก์นั้นไม่เกี่ยวกับคดีนี้ กรณีไม่ใช่เรื่องที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างเพื่อมิให้ผู้ร้องเข้ามาขอรับชำระหนี้หรือสวมสิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยในคดีนี้แทนโจทก์ต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,536,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 10412 ตำบลหัวหมาก (หัวหมากใต้) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มีชื่อจำเลยและนายกำพล ถือกรรมสิทธิ์รวมและติดจำนองแก่ผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 10412 พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยปลอดจำนองแล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น หากโจทก์ถอนการบังคับคดีหรือเพิกเฉยหรือสละสิทธิบังคับคดีผู้ร้องขอสวมสิทธิบังคับแทนโจทก์
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในคดีนี้ โดยจำเลยซื้อได้จากการขายทอดตลาดจึงเป็นการบังคับคดีในกรณีอื่น ๆ ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องก่อนส่งคำบอกกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 319 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง นั้น เห็นว่า การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยในคดีนี้เป็นการรวบรวมทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123 มิใช่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ในคดีนี้ เมื่อคดีนี้ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ซึ่งติดจำนองอยู่แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองได้ก่อนเอาที่ดินนั้นออกขายทอดตลาดในคดีนี้ การจัดทำบัญชีรับ – จ่าย ในการบังคับคดีล้มละลายของโจทก์นั้นไม่เกี่ยวกับคดีนี้ กรณีไม่ใช่เรื่องที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างเพื่อมิให้ผู้ร้องเข้ามาขอรับชำระหนี้หรือสวมสิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยในคดีนี้แทนโจทก์ต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ร้องจะต้องไปดำเนินการบังคับคดีตามสิทธิของผู้ร้องในคดีแพ่งของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้นฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share