คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายในกำหนด มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามต้องถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้ส่งคำสั่งแก่โจทก์โดยชอบแล้ว ตามป.วิ.พ. มาตรา 174(2)ถือเป็นการทิ้งฟ้อง แต่แม้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว ศาลก็ยังมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่าจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยรับสำเนาอุทธรณ์และยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจดำเนินคดีต่อไป

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถา รับอุทธรณ์ หมายนัดให้จำเลยทั้งสองแก้อุทธรณ์ ให้ผู้ขอนำส่งภายใน 15 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าพ้นกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์หรือผู้แทนโจทก์ไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 15 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น โดยได้ส่งคำสั่งแก่โจทก์โดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ถือเป็นการทิ้งฟ้อง แต่แม้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว ศาลก็ยังมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่าจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1รับสำเนาอุทธรณ์และยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจดำเนินคดีต่อไปมากกว่าที่จะสั่งให้จำหน่ายคดีส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อโจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว และจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะจำหน่ายคดี เฉพาะจำเลยที่ 2
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 1แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าธรรมเนียมในชั้นนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้ศาลอุทธรณ์รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share