แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. นำหลักฐานการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ซึ่งผู้ที่เช่าซื้อไปจากจำเลย นำไปให้อู่รถของโจทก์ทำการซ่อมเพื่อรับรถกลับคืนไปยังบริษัทจำเลย ดังนี้ ย่อมแสดงว่าจำเลยได้รู้เห็นและยอมรับเอาผลการซ่อมรถของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยจึงมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน และในการรับรถคืนไปนี้ ส. ได้บันทึกจำนวนเงินค่าแรงซ่อมและเครื่องอะไหล่ให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้โจทก์ไปรับเงินจากบริษัทจำเลย ถือว่าการกระทำของ ส. เป็นไปภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ของการมอบอำนาจทั้งเมื่อบริษัทจำเลยทราบเรื่องที่ ส. ได้บันทึกหนี้สินไว้กับโจทก์แล้วก็ไม่ทักท้วง กลับนิ่งเฉยและรับเอาผลการซ่อมรถ จึงเป็นการให้สัตยาบันโดยปริยายด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับซ่อมรถยนต์คันหนึ่งต่อจากอู่นายจั๊วโดยตกลงกันให้โจทก์ออกเงินซื้อเครื่องอะไหล่ให้ก่อน และตกลงค่าแรงซ่อม 3,000 บาท ต่อมาจำเลยมอบอำนาจให้นายสมาน พรหมมานนท์ นำหลักฐานการเป็นเจ้าของรถไปรับรถคืน โดยนายสมานได้ทำบันทึกรับรถยนต์ในสภาพที่ยังซ่อมไม่เสร็จ คิดเป็นค่าแรง 2,200 บาท ค่าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์ออกทดรองไป 3,500 บาท รวมเป็นเงิน 5,700 บาทและรับรองว่าจะจัดการชำระเงินดังกล่าวให้โจทก์ นับแต่นายสมานรับรถไปแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระเงินให้โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 5,700 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงให้นายจิ๊ว (ตามฟ้องเป็นนายจั๊ว) หรือโจทก์เป็นผู้ออกเงินทดรองซื้ออะไหล่ และตกลงค่าแรงซ่อมรถ จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับนายจิ๊ว หรือโจทก์ จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องซ่อมรถคันนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง รถดังกล่าวจำเลยให้เรืออากาศโทสุพจน์ กาญจนกุล เช่าซื้อไป เรืออากาศโทสุพจน์ไปเกิดอุบัติเหตุรถเสียหายแล้วเอาไปซ่อมไว้ จำเลยจึงติดตามเอาคืนในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยมอบอำนาจให้นายสมานรับรถจากโจทก์ ไม่ได้มอบอำนาจให้นายสมานไปยอมรับจัดการเรื่องหนี้ที่ค้างนายสมานกระทำนอกเหนือมอบอำนาจ และจำเลยไม่เคยให้สัตยาบัน จึงไม่ผูกพันจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายสมานกระทำไปภายในขอบอำนาจของตัวแทน ทั้งจำเลยให้สัตยาบันแล้ว จึงผูกพันจำเลย พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้ทราบมาก่อนแล้วว่ารถยนต์ของจำเลยได้ถูกนำมาซ่อมไว้ที่อู่รถของโจทก์ การที่จำเลยมีหนังสือมอบอำนาจให้นายสมานนำหลักฐานการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ซึ่งนำมาซ่อมไว้ที่อู่รถของโจทก์กลับคืนไปยังบริษัทจำเลย ย่อมแสดงโดยแจ้งชัดว่าจำเลยได้รู้เห็นและยอมรับเอาผลการซ่อมรถของโจทก์แล้ว โจทก์จำเลยจึงมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน และในการรับรถคืนไปนี้นายสมานได้พูดตกลงให้โจทก์ไปรับค่าซ่อมและค่าอะไหล่จากบริษัทจำเลย นายสมานจึงได้บันทึกจำนวนเงินค่าแรงซ่อมและค่าเครื่องอะไหล่ให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน ทั้งขณะนั้นจำเลยถือว่าได้เลิกสัญญากับผู้เช่าซื้อแล้ว เพราะผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซึ่งนายสมานก็น่าจะทราบดีการกระทำของนายสมานที่บันทึกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจจึงเป็นไปภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ของการมอบอำนาจ ทั้งน่าเชื่อว่านายสมานได้รายงานเรื่องการบันทึกหนี้สินค่าซ่อมและค่าอะไหล่รถให้จำเลยทราบแล้ว เมื่อบริษัทจำเลยทราบเรื่องแล้วไม่เคยได้ทักท้วงหนี้รายนี้ กลับนิ่งเฉยเสียและรับเอาผลการซ่อมรถ จึงเป็นการให้สัตยาบันโดยปริยายที่นายสมานได้กระทำไปอีกชั้นหนึ่ง จำเลยจึงต้องชำระหนี้แก่โจทก์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ตามสัญญาเช่าซื้อรถรายนี้ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องซ่อมรถเองนั้น เป็นข้อผูกพันระหว่างจำเลยกับผู้เช่าซื้อ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
พิพากษายืน