คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 และประเภท 2 เป็นความผิดที่มีบทความผิดและบทลงโทษคนละมาตรากัน จึงเป็นความผิดต่างกระทงกันเมื่อตามฟ้องโจทก์มีความผิดเพียง 2 กระทง แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องแยกเป็นรายกระทง ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นความผิด 2 กระทงทั้งคำฟ้องตอนต้นได้บรรยายแล้วว่าเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระและคำขอท้ายฟ้องก็อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ไว้แล้วศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๕, ๑๖, ๑๗, ๖๕, ๖๖, ๖๘, ๖๙, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา ๖๕ วรรคสอง, ๖๖ วรรคสอง, ๖๘ วรรคสอง,๖๙ วรรคสี่ ความผิดฐานผลิตมอร์ฟีนเพื่อผลิตเป็นเฮโรอีนและฐานผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายแล้วมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ลงโทษฐานผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท ๒ มอร์ฟีน ฝิ่นและโคคาอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา ๔, ๗, ๑๕ วรรคสอง, ๑๖, ๑๗ วรรคสอง,๖๖ วรรคแรก, ๖๙ วรรคสี่ เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผลิตยาเสพติดให้โทษตามฟ้อง คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ และประเภท ๒ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายปัญหาว่าจะลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดได้หรือไม่ เห็นว่าความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ และประเภท ๒ เป็นความผิดที่มีบทความผิดและบทลงโทษคนละมาตรากัน จึงเป็นความผิดต่างกระทงอย่างชัดแจ้ง ตามฟ้องของโจทก์กรณีนี้มีความผิดเพียง ๒ กระทงเท่านั้น ไม่สับสน แม้โจทก์ไม่บรรยายฟ้องแยกเป็นกระทง ๆ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นความผิด ๒ กระทง ทั้งคำฟ้องตอนต้นได้บรรยายไว้แล้วว่าเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน คำขอท้ายฟ้องก็อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ไว้แล้วศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลย.

Share