คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานและเรียกค่าเสียหายปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในอีกคดีหนึ่งขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ขอเข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย และได้มีคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีทั้งโจทก์คดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105 และมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯแม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไรศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียได้ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2510 จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มีกำหนด 5 ปี ค่าจ้างรายเดือนเดืนอละ 3,000 เหรียญอเมริกัน กับประโยชน์อื่นอีกหลายประการ และต่อมาจำเลยต่ออายุการจ้างโจทก์อีก 5 ปี ครั้นวันที่ 30 มิถุนายน 2515 คณะกรรมการบริษัทจำเลยลงมติให้เลิกจ้างโจทก์ ซึ่งเป็นการเลิกจ้างก่อนครบกำหนดที่อายุไว้ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดเงินเดือนและประโยชน์ที่จะพึงได้ โจทก์เรียกร้องทวงถาม จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 14,108,629.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ

จำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งกับแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์โอนหุ้นจำนวน 25,000 หุ้นให้กับผู้ถือหุ้นหรือบุคคลซึ่งจำเลยจะได้กำหนดและให้จำเลย (น่าจะเป็นโจทก์) รับเงินจำนวน 80,000 เหรียญสหรัฐ หากสภาพแห่งนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับโจทก์ได้ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจำนวน 2,500,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์มิได้ตกลงจะโอนหุ้นตามที่จำเลยอ้าง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์จำนวน4,729,001.83 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2516 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์ สำหรับฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก

โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นสองจำนวน จำนวนแรกเป็นเงินไทย 3,724,601.83 บาท จำนวนที่สองเป็นเงินต่างประเทศ 50,220 เหรียญสหรัฐ จำนวนที่สองนี้หากจะใช้ด้วยเงินไทยคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยเฉลี่ยเท่าที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครทำการขายเหรียญสหรัฐอเมริกาในวันที่มีคำพิพากษานี้ แต่ต้องไม่เกิน 1 เหรียญต่อ 20.45 บาท และไม่ต่ำกว่า 1 เหรียญต่อ 20 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2516 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถา

ปรากฏว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษาว่า กองทัพอากาศได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้บริษัทการบินแอร์สยาม จำกัด จำเลยในคดีนี้ล้มละลาย และศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน2521 ศาลฎีกาจึงได้สั่งให้ศาลชั้นต้นหมายนัดคู่ความในคดีนี้ รวมทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยมาสอบถาม และศาลชั้นต้นได้ดำเนินการแล้ว ได้ความตามคำแถลงรับของทนายโจทก์ ทนายจำเลย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยว่า

1. คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยยังมีผลใช้บังคับอยู่

2. โจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำลังดำเนินการสอบสวนคำขอของโจทก์อยู่

3. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประสงค์จะเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยกับขอให้ศาลฎีกาจำหน่ายคดีนี้ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2522 ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลยกับขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์คดีนี้ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105 และมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร สมควรจำหน่ายคดีตามอำนาจที่มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ได้ให้ไว้

จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share