คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นชายพูดต่อหน้าผู้เสียหายซึ่งเป็นภริยาผู้ใหญ่บ้านว่า ‘เมียผู้ใหญ่บ้านนี้แต่งตัวสวยน่าอยากล่ำสักที’ซึ่งหมายความว่าผู้เสียหายแต่งตัวสวยอยากเย็ดสักทีนั้นคำที่จำเลยกล่าว และวิธีที่จำเลยกล่าว ฟังได้ว่าเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้าแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2505

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองต่างกล่าววาจาดูหมิ่นนางปรุง สายทองภริยานายสมหมาย สายทอง ผู้ใหญ่บ้านซึ่งหน้า โดยนายปัญญากล่าวว่า”เมียผู้ใหญ่บ้านนี้แต่งตัวสวยน่าอยากร่ำสักที” พลตำรวจบุญเหลือกล่าวว่า “เมียผู้ใหญ่บ้านนี้แต่งตัวสวยจริงน่าอยากร่ำจริง” ซึ่งหมายความว่านางปรุงแต่งตัวสวยอยากเย็ดสักที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

จำเลยทั้งสองปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไปจับสุราที่เรือนนางมืดน้องผู้เสียหายแล้วจะพานางมืดไปอำเภอ นางมืดแวะบอกผู้เสียหายซึ่งเป็นภริยาผู้ใหญ่บ้านและขอให้ไปเป็นเพื่อด้วยผู้เสียหายแต่งตัวแล้วลงเรือนมา พอเดินผ่านจำเลย ๆ ก็พูดถ้อยคำที่มีความหมายดังที่โจทก์แปลไว้ในฟ้อง จึงพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ปรับคนละหนึ่งร้อยบาท

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาแล้วเห็นว่า จำเลยได้พูดว่าเมียผู้ใหญ่บ้านแต่งตัวสวยจริงอยากล่ำสักที แต่ประโยคที่ว่าอยากล่ำสักทีนั้น ในคำฟ้องใช้คำว่า อยากร่ำสักที คำว่า อยากร่ำสักที ไม่มีความหมายอะไร แต่คำว่าอยากล่ำสักที มีความหมายดังที่กล่าวในคำฟ้องเห็นได้ว่า คำที่กล่าวในคำฟ้อง คำว่า ร่ำ นั้นใช้ตัวอักษรแห่งถ้อยคำผิดพลาดไปเพียงตัวเดียวคือ แทนที่จะใช้อักษร”ล” แต่กลับใช้อักษร “ร” เท่านั้น ถ้อยคำในประโยคที่กล่าวในคำฟ้องย่อมเข้าใจได้ว่ามีความหมายดังที่กล่าวในคำฟ้อง ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ผู้เสียหายเป็นหญิง จำเลยเป็นชายคำที่จำเลยกล่าวและวิธีที่จำเลยกล่าว ฟังได้ว่าเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้า การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

พิพากษายืน

Share