แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ปลัดอำเพอไว้ไจไห้สารวัดอาสาซึ่งเคยเปนผู้ไปรับสลากกินแบ่งจากคณะกรมการจังหวัดมาจำหน่ายไปเบิกสลากกินแบ่งเพื่อมาจำหน่ายตามเคย แล้วสารวัดสึกสายักยอกเงินค่าจำหน่ายสลากเปนประโยชน์ส่วนตัวเสียเช่นนี้ ปลัดอำเภอไม่มีความรับผิดร่วมกับสารวัดสึกสาได้หา+ไป.
การที่ปลัดอำเพอเซ็นชื่อไนการเบิกสลากกินแบ่งจากคนะกรมการจังหวัดเปนการกะทำไปไนหน้าที่ราชการไนถานเปรคนะกรมการอำเพอ เมื่อนายอำเพอไม่ได้รู้เห็นและไม่ได้ไห้อนุมัติปลัดอำเพอเซ็นชื่อแทนนายอำเพอไม่มีความรับผิด
การกะทำขอปลัดอำเพอไนเรื่องมอบไห้สารวัดสึกสาไปรับสลากกินแบ่งจากคนะกรมการจังหวัดมาจำหน่ายเปนการกะทำไนหน้าที่ราชการปลัดอำเพอและสารวัดสึกสาต่างเปนข้าราชการปติบัติหน้าที่ราชการ+ไม่ไช่เปนเรื่องตัวการตัวแทน.
ย่อยาว
คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เปนสารวัดสึกสา จำเลยที่ ๒ เปนปลัดอำเพอ จำเลยที่ ๓ เปนนายอำเพอ อำเพอเมืองฉะเชิงเซา จำเลยที่ ๒ มีหนังสือไนนามคนะกรมการอำเพอมอบไห้จำเลยที่ ๑ ไปรับสลากกินแบ่งรัถบาลงวดเดือนกรกดาคม และ สิงหาคม ๒๔๘๔ รวม ๕๔๐ ฉบับ เพื่อจำหน่ายโดยตามทางพิจารนาได้ความว่าสลากกินแบ่งไนส่วนภูมิภาคสรรพากรเปนเจ้าหน้าที่หยู่ไนความอำนวนการคนะกรมการจังหวัด เมื่อรับสลากกินแบ่งมาแล้ว จังหวัดบอกไปยังแผนกราชการต่าง ๆ ไห้รับไปจำหน่าย จำเลยที่ ๑ รับสลากกินแบ่งมาแล้วไม่ได้มอบไห้อำเพอกลับจำหน่ายสลาก ๕๕๐๐ ฉบับ (โดยหนังสือที่มอบไห้ไปรับถูกแก้ไขเติมเลข ฯ) แล้วยักยอดเอาเงินหลบหนีไป จำเลยที่ ๑ ขาดนัด สาลชั้นต้นพิพากสาไห้จำเลยทั้งสารร่วมกับไช้ค่าสลากกินแบ่ง ๕๕๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒-๓ อุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาไห้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒-๓
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าคดีได้ความชัดว่า กิจการที่จำเลยที่ ๒ กะทำไนเรื่องสลากกินแบ่งเปนการกะทำไนหน้าที่ราชการหาไช่เปนการกะทำส่วนตัวไม่ จำเลยที่ ๑ ไปรับสลากกินแบ่งไบเบื้องต้นก็กะทำไนหน้าที่ราชการโดยจำเลยที่ ๒ ไช้ไป แต่ไนตอนหลังได้ทุจริตยักยอกเอาเงินที่ขายสลากกินแบ่งไปเสีย จำเลยที่ ๑-๒ ต่างเปนข้าราชการและปติบัติราชการไนเรื่องสลากกินแบ่งนี้ เพราะฉะนั้นจำเลยที่ ๑-๒ จึงไม่ได้หยู่ไนถานะตัวการตัวแทนแต่หย่างได คดีไม่ได้ความว่าจำเลยที่ ๓ ได้รู้เห็นไนการเบิกสลากกินแบ่งและไม่ได้ไห้อนุมัติจำเลยที่ ๒ เซ็นชื่อแทนไนการไปเบิกสลากกินแบ่ง หากแต่จำเลยที่ ๒ กะทำไปไนหน้าที่ราชการไนถานะเปนกรมการอำเพอผู้หนึ่ง ทางจังหวัดก็เช่นเดียวกันไนการจ่ายสลากกินแบ่งมาก็จ่ายไห้หน่วยราชการหน่วยหนึ่งคือคนะกรมการอำเพอ
ไนการปติบัติราชการโจทหรือไม่ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ได้ประมาทเลิมเล่อหรือได้ละเมิดหรือจงไจให้ลองสลากกินแบ่งเสียหายแต่หย่างใด จำเลยที่ ๒ ไว้ไจไห้จำเลยที่ ๑ ไปเบิกสลากกินแบ่งก็เพราะจำเลยที่ ๑ เปนสารวัดสึกสา และแต่ก่อนจำเลยที่ ๑ ก็เคยรับสลากกินแบ่งมาไม่เคยเกิดเรื่อง เพิ่งจะมาเกิดการทุจริตคราวที่โจทฟ้งอนี้ เห็นว่าโจทสืบที่จะไห้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ รับผิดชอบตามกดหมายไม่ได้เลย จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์