คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์โดยต้องรื้อถอนไป เมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในอายุสัญญาเช่า ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิม จำเลยผู้ซื้อต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า จำเลยต้องปฏิบัติตาสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่ากิจการและอาคารโรงเรียนภาษานุสรณ์จากนางสุขสม รัตนสันติ ผู้จัดการมรดกของนายสมศักดิ์ รัตนสันติผู้ตาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2526 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดอาคารโรงเรียนดังกล่าว จำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลได้โดยรู้ว่าอาคารโรงเรียนมีภาระผูกพันตามสัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยที่ 1ใช้ให้จำเลยที่ 2 กับพวกรื้อหลังคา ฝากั้นห้อง บันได ทำลายกระดานเขียนหนังสือโต๊ะทำงานและส่วนต่าง ๆ ของอาคารเสียหาย โจทก์ซ่อมแซมสิ้นเงินไป 42,000 บาทขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองรื้อถอนและเข้าไปเกี่ยวข้องอาคารจนกว่าสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลง และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 42,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า เอกสารท้ายฟ้องไม่เป็นสัญญาเช่าตามกฎหมายและตกเป็นโมฆะ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอาคารโรงเรียนเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ขายให้จำเลยที่ 2รื้อไป ค่าเสียหายมีไม่เกิน 1,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 42,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาจะต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า จำเลยที่ 1ซื้ออาคารพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์โดยซื้อแล้วต้องรื้อถอนไป สัญญาเช่าอาคารพิพาทระหว่าง โจทก์กับเจ้าของเดิมระงับไปหรือไม่ข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยได้ฟังได้ว่าโจทก์เช่าอาคารพิพาท ระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 ซื้ออาคารหลังพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล แล้วจำเลยที่ 2 รื้ออาคารดังกล่าวเห็นว่า เมื่ออาคารพิพาทยังอยู่ในระหว่างอายุสัญญาเช่าจำเลยที่ 1ผู้ซื้อย่อมต้องรับโอนไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีอยู่กับผู้เช่าในระหว่างอายุสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิไปรบกวนสิทธิการเช่าของโจทก์ จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าจนกว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง…”
พิพากษายืน

Share