คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2717/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายเข้ามาลักลอบตัดฟันต้นข้าวโพดของมารดาจำเลยใน เวลากลางคืนจำเลยซึ่งอาศัยอยู่กับมารดาได้ไปพบเห็น ย่อมมีสิทธิกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของมารดาได้ แต่ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นปรากฏว่าผู้ตายถือมีดอยู่ห่างประมาณ 2 วา ยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะฟันทำร้ายจำเลยจำเลยยังมีทางหลบหลีกและยิงขู่ผู้ตายได้ เมื่อผู้ตายรู้ว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนย่อมจะอาศัย ความมืดหลบหนีไปดังนั้นการที่จำเลยด่วนยิงผู้ตายเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๙๑ และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับขอให้ริบหัวกระสุนปืนลูกซองของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (แต่ไม่ริบของกลาง)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๘, ๖๙ (มิได้กล่าวถึงเรื่องของกลาง)
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ตายเข้ามาลักลอบตัดฟันต้นข้าวโพดของมารดาจำเลยในเวลาค่ำคืน อันเป็นการกระทำละเมิดผิดกฎหมาย จำเลยซึ่งอาศัยอยู่กับมารดาได้ไปพบเห็นโดยบังเอิญย่อมมีสิทธิกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของมารดาจำเลยได้แต่ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นปรากฏว่าผู้ตายอยู่ห่างประมาณ ๒ วา ซึ่งในระยะห่างดังกล่าวผู้ตายยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะฟันทำร้ายจำเลยได้ จำเลยยังมีทางหลบหลีกและยิงขู่ผู้ตายได้ เมื่อผู้ตายซึ่งกระทำละเมิดผิดกฎหมายรู้ว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนผู้ตายก็ย่อมจะอาศัยความมืดหลบหนีไป เหตุร้ายก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการที่จำเลยด่วนยิงผู้ตายเสียเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน แต่ให้ริบของกลาง

Share