แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายอายุ 18 ปีส่วนจำเลยอายุเพียง 16 ปีผู้เสียหายรูปร่างล่ำสันและมีลักษณะเป็นผู้ใหญ่กว่าจำเลยวันเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเรื่องโดยเข้าชกและขึ้นเข่าเอาแก่จำเลยที่ท้องหลายทีในลักษณะข่มเหงรังแกในชั้นแรกจำเลยได้ใช้มือเปล่าป้องกันตัว แต่ก็ถูกผู้เสียหาย ทำร้ายต่อมาจำเลยจึงใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมที่มีติดตัวแทงถูกที่ชายโครงผู้เสียหาย1ที ในขณะกำลังถูกผู้เสียหาย ทำร้ายติดพันอยู่ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจำเป็นต้อง ป้องกันตัวให้พ้นจากภยันตรายที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น และได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 72
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายพิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายกับจำเลยรู้จักแต่ไม่สนิทสนมกัน วันเกิดเหตุทั้งสองพบมีการพูดจาทักทายกัน โดยผู้เสียหายเป็นฝ่ายลุกจากที่นั่งเดินไปหาจำเลยแล้วผู้เสียหายก่อเรื่องขึ้นก่อนโดยใช้มือตบจำเลย จำเลยจึงตบหลังผู้เสียหายตอบ 2 ทีผู้เสียหายชกจำเลยที่ท้องแล้วยังได้ขึ้นเข่าเอาแก่จำเลยที่ท้องจนจำเลยได้รับบาดเจ็บจำเลยจึงใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมยาวประมาณคืบเศษแทงที่ชายโครงผู้เสียหาย1 ทีในขณะนั้น
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปรากฏว่าผู้เสียหายอายุ 18 ปี ส่วนจำเลยมีอายุเพียง 16 ปี ผู้เสียหายได้ความว่า รูปร่างล่ำสันกว่าจำเลย มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่กว่าผู้เสียหายทำร้ายจำเลยในลักษณะข่มเหงรังแก ซึ่งในชั้นแรกจำเลยก็ได้ใช้มือเปล่าป้องกันตัว แต่ก็ถูกผู้เสียหายทำร้ายต่อมา จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะกำลังถูกผู้เสียหายทำร้ายติดพันอยู่ จำเลยจึงจำเป็นต้องป้องกันตัวให้พ้นจากภยันตรายที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
พิพากษายืน