คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตาม ป.พ.พ. มาตรา 681 วรรค 3.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเลี่ยงเซี้ยงได้ยืมเงินโจทก์ ๕,๐๐๐ บาท อ้างว่าจะนำไปมอบให้บริษัท จงนำ จำกัด และจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมานายเลี่ยงเซี้ยงหลบหนีไป จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน จึงขอให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นผู้ค้ำประกันบริษัท จงนำจำกัด มิได้ค้ำประกันนายเลี่ยงเซี้ยง ๆ ยังมีตัวอยู่ในพระราชอาณาจักร
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าบริษัทจงนำ จำกัดเป็นผู้กู้เงินจากโจทก์ จำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยจังไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยต่อสู้ว่าลูกหนี้ยังมีทางชำระหนี้ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในพิจารณาข้อเท็จจริงว่า ลูกหนี้ยังมีทางชำระหนี้หรือไม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่ได้ฎีกา ประเด็นจึงยุติว่า บริษัทจงนำจำกัดเป็นผู้กู้ยืม แม้จะฟังว่าการกู้รายนี้เกิดจากความสำคัญผิด โดยเข้าใจว่านายเลี่ยงเซี้ยง มีอำนาจกู้แทนบริษัทจงนำจำกัดได้ ซึ่งความจริงนายเลี่ยงเซี้ยงไม่มีอำนาจเช่นนั้น โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๘๑ วรรค ๓ เมื่อโจทก์ไม่ร้องขอสืบตามประเด็นของโจทก์ก็ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง
อนึ่งตามคำฟ้องโจทก์รับรองว่าบริษัทจงนำจำกัดไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ และไม่มีสิทธิอันใดเหนือบริษัทจงนำจำกัดที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา ๖๙๗
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share