คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ปกปิดความจริงโดยแอบอ้างแสดงว่ากระทำในฐานะผู้แทนของบริษัท จำเลยหลงเชื่อได้เข้าทำสัญญาด้วย จึงเป็นการแสดงเจตนาด้วยความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม โดยมิได้เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 การที่จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยหรือไม่ โจทก์อ้างว่าโจทก์ในฐานะส่วนตัวทำสัญญากับจำเลย มิใช่แอบอ้างทำในนามบริษัทโรงเลื่อยจักรศรีสะเกษ จำกัดเพื่อให้จำเลยสำคัญผิด แต่ปรากฏตามสัญญาทำไม้ชนิดต่าง ๆ (ไม้ซุง) เอกสารหมาย จ.5 ว่า สัญญาดังกล่าวทำขึ้นระหว่างกรมประชาสงเคราะห์ผู้ให้สัญญาฝ่ายหนึ่ง กับบริษัทโรงเลื่อยจักรศรีสะเกษ จำกัด โดยนายบุญชัยธารทอง ผู้รับสัญญา ตามบันทึกเพิ่มเติมสัญญาเอกสารหมาย จ.10 ก็ทำระหว่างกรมประชาสงเคราะห์กับบริษัทโรงเลื่อยจักรศรีสะเกษ จำกัด โดยนายบุญชัย ธารทอง และตามหนังสือขอต่ออายุสัญญาเอกสารหมาย ล.3ก็แสดงว่าบริษัทโรงเลื่อยจักรศรีสะเกษ จำกัด เป็นคู่สัญญากับจำเลย ที่โจทก์เบิกความว่า ขณะทำสัญญา โจทก์ได้ทักท้วงในเรื่องโจทก์เป็นคู่สัญญานั้นไม่น่าเชื่อ เพราะถ้ามีการทักท้วง ก็น่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง พฤติการณ์ของโจทก์ในการทำสัญญากับจำเลยนั้นโจทก์มีเจตนาปกปิดความจริง โดยแอบอ้างแสดงว่าโจทก์กระทำในฐานะผู้แทนของบริษัทโรงเลื่อยจักรศรีสะเกษ จำกัดเป็นเหตุให้จำเลยหลงเชื่อจึงได้เข้าทำสัญญาด้วย การแสดงเจตนาของจำเลยเป็นการแสดงเจตนาด้วยความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมโดยมิได้เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยสัญญาทำไม้เอกสารหมาย จ.5 และบันทึกเพิ่มเติมสัญญาเอกสารหมาย จ.10จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 หามีผลผูกพันโจทก์ไม่ การที่จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นค่าเสียหายต่อไป”

พิพากษายืน

Share