คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เสร็จแล้วจะส่งคืนให้ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไป เช่นนี้ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่ แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด

ย่อยาว

ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกโฉนดที่ดินจากผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อรับไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เสร็จแล้วจะนำส่งคืน ผู้ร้องค้านว่าผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดิน และกำลังฟ้องบังคับจำนองหากที่ดินโอนไปเป็นของโจทก์แล้ว เมื่อผู้ร้องชนะคดีจะไม่สามารถบังคับจำนองได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งโฉนดที่ดินต่อศาลศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่120194 พร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตนดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาเสร็จแล้วจะส่งคืนให้แก่ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไปเช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่ ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องกำลังใช้สิทธิฟ้องบังคับจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวกับจำเลยในคดีนี้อยู่หากมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นโดยติดจำนองไปเป็นของโจทก์จะทำให้ผู้ร้องไม่สามารถใช้สิทธิในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยดังกล่าวบังคับจำนองที่ดินแปลงนี้ได้นั้นเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง บัญญัติว่าผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ ดังนั้น แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share