คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าห้องพิพาทจากโจทก์ แล้วก่อสร้างห้องน้ำห้องส้วม ต่อน้ำประปา ต่อไฟฟ้า สร้างเรือนครัว ซ่อมแซมห้อง และต่อเติมห้องหลังบ้าน เป็นความสมัครใจและเพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยทำการค้าของจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อประมาณ15 ปีมาแล้ว จำเลยได้เช่าห้องแถวเลขที่ 67 และ 69 ถนนเจริญรัฐ ตำบลกุดป่องอำเภอเมืองเลย ซึ่งเป็นห้องพิพาทจากโจทก์โดยมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พิเคราะห์แล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยก็เพียงให้จำเลยทำการก่อสร้างเพิ่มเติมหรือต่อเติมห้องพิพาทหรือทำให้มีขึ้นใหม่ เพื่อให้ห้องพิพาทซึ่งมีอยู่แล้วให้มีสภาพดีพร้อมเหมาะสมที่จำเลยจะเข้าอยู่อาศัยทำการค้าเท่านั้นโดยโจทก์มิได้กำหนดว่าจำเลยจะต้องต่อเติมห้องพิพาทอย่างไร หรือจะต้องก่อสร้างอาคารอะไรขึ้นใหม่ การที่จำเลยก่อสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ต่อน้ำประปา ต่อไฟฟ้า สร้างเรือนครัว ซ่อมแซมห้อง และต่อเติมห้องหลังบ้าน จึงเป็นความสมัครใจและเพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยทำการค้าของจำเลยเองถือไม่ได้ว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อการเช่ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อโจทก์เป็นสำคัญ ทั้งมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้ยอมให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาจนกว่าจะเลิกค้าขายหรือกรมธนารักษ์ไม่ให้โจทก์เช่าที่ดินต่อไปตามข้อตกลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538”

พิพากษายืน

Share