คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างเป็นพนักงานขับรถยนต์ มิได้ปฏิบัติงานตามวันเวลาปกติเช่นพนักงานในตำแหน่งอื่น เพราะต้องคอยดูแลรักษารถยนต์ในความรับผิดชอบของตนให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดีตลอดเวลา ดังนั้น การที่ผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้ลูกจ้างนำรถยนต์ที่ตนขับไปล้างทำความสะอาดและอัดฉีดจาระบีจึงเป็นงานในหน้าที่แต่ในตอนกลางวันผู้รับจ้างยังทำให้ไม่เสร็จ จนเวลา 21 นาฬิกาลูกจ้างจึงได้ไปที่ร้านของผู้รับจ้างเพื่อนำรถยนต์กลับมา แล้วขณะเดินข้ามถนนถูกรถยนต์ชนตายนั้นเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง
ปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่าลูกจ้างประสบอันตรายเพราะความประมาทของตนจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงาน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน ฯ มาตรา 31. (กองผู้ช่วย)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายศรีวรรณสามีของโจทก์เป็นลูกจ้างในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ นายศรีวรรณต้องขับรถยนต์เป็นประจำแม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ต้องจัดเตรียมรถยนต์ให้พร้อมที่จะปฏิบัติการได้ เมื่อนายศรีวรรณได้ขับรถยนต์ไปปฏิบัติงานนอกท้องที่และกลับมาถึงที่พักเวลาประมาณ ๒๑ นาฬิการถยนต์คันที่ขับขี่มีสภาพสกปรกมาก จึงขออนุญาตผู้บังคับบัญชานำรถยนต์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ล้างและอัดฉีดจาระบี โดยนำรถยนต์ไปที่ร้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสำนักงานในวันถัดมาเวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา นายศรีวรรณได้ไปที่ร้านที่นำรถยนต์ไปจ้างให้ทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ขณะเดินข้ามถนนได้ถูกรถยนต์ชนถึงแก่ความตายเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง โจทก์ร้องขอรับเงินและอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนแล้ว คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีมติว่านายศรีวรรณมิได้ประสบอันตรายจนถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างดังคำวินิจฉัยของสำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของกรมแรงงาน ให้สำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายค่าทำศพ และค่าทดแทนร้อยละหกสิบของจำนวนค่าจ้างให้โจทก์เป็นรายเดือนมีกำหนด ๕ ปี
จำเลยให้การว่า นายศรีวรรณได้เดินข้ามถนนเพื่อจะไปเอารถยนต์ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ที่นำไปว่าจ้างร้านรับจ้างล้างรถยนต์และได้ถูกรถยนต์ชนถึงแก่ความตาย ซึ่งมิใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า นายศรีวรรณถูกรถยนต์ชนถึงแก่ความตายขณะไปเอารถยนต์ของนายจ้าง เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากทำงานให้นายจ้าง พิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของกรมแรงงานให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนเป็นค่าทำศพ ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละหกสิบของค่าจ้าง นับแต่วันที่นายศรีวรรณประสบอันตรายเป็นเวลา ๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนวันเกิดเหตุนายศรีวรรณได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในป่าท้องที่จังหวัดปราจีนบุรีตั้งแต่วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๒๙ และกลับมาถึงสำนักงานในวันที่ ๑๒ เดือนเดียวกัน ต่อมาในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๙ นายศรีวรรณได้นำรถยนต์คันที่ตนเป็นผู้ขับไปล้างทำความสะอาดและอัดฉีดจาระบีโดยได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาให้เบิกน้ำมันเครื่องไปใช้ด้วย แต่ตอนกลางวันผู้รับจ้างยังทำให้ไม่แล้วเสร็จ จนในเวลาประมาณ ๒๑นาฬิกา นายศรีวรรณได้ไปที่ร้านของผู้รับจ้างเพื่อนำรถยนต์มาเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานจึงถูกรถยนต์ชนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของนายศรีวรรณในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์นี้ นายศรีวรรณมิได้ปฏิบัติงานตามวันเวลาปกติเช่นการปฏิบัติงานของพนักงานในตำแหน่งอื่นและต้องคอยดูแลรักษารถยนต์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดีเมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้ในวันปฏิบัติงานหรือในวันหยุดได้ตลอดเวลา และการล้างอัดฉีดดังกล่าวนายศรีวรรณก็ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาให้กระทำได้ การทำความสะอาดและอัดฉีดรถยนต์คันนี้จึงเป็นงานในหน้าที่ของนายศรีวรรณประการหนึ่ง อันเป็นการบำรุงรักษาทรัพย์สินของนายจ้างเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของนายจ้างโดยตรง การที่นายศรีวรรณเดินทางไปยังร้านที่รับจ้างเพื่อนำรถยนต์กลับมาเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานและถูกรถยนต์ของบุคคลอื่นชนจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๒ แล้ว
ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การประสบอันตรายของนายศรีวรรณเป็นกรณีที่เกิดขึ้นด้วยความประมาทของนายศรีวรรณเองนั้น เห็นว่าปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share