คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ได้บัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้แต่เพียงว่าจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและให้ยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สิน หาได้กำหนดว่าจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุดไม่กรณีจึงไม่จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนเจ้าหนี้ก็มีสิทธิเพื่อที่จะยังให้ได้รับรองคุ้มครองและบังคับตามสิทธิของตนโดยบทบัญญัติของมาตราดังกล่าวได้
เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์แล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในประเด็นที่ว่า จำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นอีกหลายอย่างที่ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้คดีของโจทก์จึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้โจทก์จะได้นำสืบถึงไว้ก็เป็นการนำสืบนอกประเด็น

ย่อยาว

กรณีนี้เนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งจำนวนเงินหนึ่งแสนบาทเศษพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดเพื่อชำระหนี้ได้ จึงขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้ด้วย โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นยังมีข้อโต้แย้ง ยังไม่ถึงที่สุด คดีของจำเลยอาจชนะได้ ขอให้ยกคำร้องจำเลยทั้งสามยื่นคำคัดค้านอ้างเหตุผลเช่นเดียวกับโจทก์และอ้างต่อไปว่า ก่อนจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม ได้มอบทรัพย์สินของตนหลายอย่างให้ผู้ร้องกับภรรยาผู้ร้องไว้เป็นประกันหนี้ซึ่งเพียงพอแก่การที่ผู้ร้องจะบังคับเพื่อการชำระหนี้ได้ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ถึงแม้ว่าผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้ตามพิพากษาที่ยังไม่ถึงที่สุด ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ และผู้ร้องไม่อาจเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 ได้ จึงอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยหนี้ได้ตามคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องเป็นหนี้ที่มีข้อโต้แย้ง คดียังไม่ถึงที่สุด ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในระหว่างนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ซึ่งได้บัญญัติถึงการใช้สิทธิของเจ้าหนี้ที่จะยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้แต่เพียงว่าจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และให้ยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สิน ซึ่งตามความในบทมาตราดังกล่าวหาได้กำหนดว่าจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุดไม่ ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีไม่จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนเจ้าหนี้ก็มีสิทธิเพื่อที่จะยังให้ได้รับรองคุ้มครองและบังคับตามสิทธิของตนโดยบทบัญญัติของมาตรานี้ได้

ฎีกาของโจทก์ในปัญหาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้อที่ว่ายังมีทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 อีกหลายอย่างที่ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้ เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำแถลงคัดค้านของโจทก์ โจทก์มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในประเด็นข้อนี้ไว้คดีของโจทก์จึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้โจทก์จะได้นำสืบไว้ก็เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้

พิพากษายืน

Share