แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องซึ่งมีชื่อตัวและชื่อสกุลเหมือนกับชื่อจำเลย ยื่นคำแถลงตั้งแต่ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าเป็นคนละคนกับจำเลย แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งในเรื่องนี้ ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องกับจำเลยไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันขอให้สั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าว ดังนี้ สมควรรับคำร้องของผู้ร้องไว้ไต่สวนให้ได้ความกระจ่างชัดเสียก่อน
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คโดยระบุชื่อจำเลยว่านายแซ แซ่ลิ้ม ต่อมาขอแก้ไขคำฟ้องเป็นว่าจำเลยชื่อ นายแซ แซ่ลิ้ม หรือชัยยูร นิลกษาปน์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ก่อนวันสืบพยาน ๒ วัน นายชัยยูร นิลกษาปน์ ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้องกับนายแซเป็นคนละคนกัน ขอให้สั่งถอนฟ้องผู้ร้องเสีย ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ร้องไม่มาศาลและไม่ได้ทำเป็นคำร้องจึงไม่อาจสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดได้ และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลทำการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ในบ้านของผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด นายพงษ์สุกรี ยื่นคำร้องขอปล่อยทรัพย์อ้างว่าเป็นทรัพย์ของตน ฝากจำเลยดูแลรักษาไว้ แต่นายพงษ์สุกรีขาดนัดพิจารณา ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายใหม่
นายชัยยูร ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องกับจำเลยไม่ใช่บุคคลเดียวกัน ขอให้สั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องขัดทรัพย์คือจำเลยคดีนี้ ตามที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ชื่อจำเลยและศาลอนุญาตแล้ว ไม่รับคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่พอจะชี้ให้เห็นว่าผู้ร้องเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยคือข้อความในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของนายพงษ์สุกรี แต่ผู้ร้องยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าว ผู้ร้องคงอ้างว่าเป็นคนละคนกับนายแซ แซ่ลิ้ม จำเลย ตั้งแต่ชั้นพิจารณาตลอดมา สมควรรับคำร้องของผู้ร้องไว้ไต่สวนให้ได้ความกระจ่ายชัดเสียก่อน
พิพากษากลับเป็นให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับคำร้องไว้ดำเนินการต่อไป