คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินไป 8,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้โดยมิได้กรอกข้อความอื่นในสัญญากู้ ต่อมาโจทก์จึงกรอกข้อความในสัญญากู้และเขียนจำนวนเงินที่กู้เป็น 80,000 บาท แล้วฟ้องเรียกเงินจากจำเลย สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจแสดงสิทธิจากเอกสารปลอมได้ ถือได้ว่าการกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ 80,000 บาท ถึงกำหนดใช้คืนแล้วจำเลยไม่ชำระคืน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินไปเพียง 8,000 บาท โดยโจทก์ให้จำเลยลงชื่อในแบบสัญญากู้เงินโดยไม่ได้กรอกข้อความและจำนวนเงิน ต่อมาโจทก์กรอกข้อความในสัญญากู้และเขียนจำนวนเงินที่กู้เป็น 80,000 บาท สัญญากู้เงินดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปเพียง 8,000 บาท โจทก์ได้ให้จำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้โดยมิได้กรอกข้อความอื่นในสัญญากู้ ต่อมาโจทก์จึงกรอกข้อความในสัญญากู้และเขียนจำนวนเงินที่กู้เป็น 80,000 บาท แล้วฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ดังนั้น สัญญากู้เงินจึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจแสดงสิทธิจากเอกสารปลอมได้ ถือได้ว่าการกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share