แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ ป.วิ.พ. มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นนั้น สืบเนื่องจากเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ผู้แพ้คดีจะต้องถูกบังคับคดีตาม คำพิพากษา หากผู้แพ้คดีจะให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ กระบวนการในการบังคับคดีย่อมต้องล่าช้าไป โดยเฉพาะหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ผู้ชนะคดีอาจต้องเสียประโยชน์เพราะความล่าช้าดังกล่าวโดยมิใช่ความผิดของตน จึงควรให้ผู้ชนะคดีมีหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษา มิฉะนั้น ผู้แพ้คดีอาจใช้บทบัญญัติของกฎหมายในส่วนนี้เพื่อประวิงการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 257,565 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 454,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ด้วย หากต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์และเป็นผลให้คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อหักกลบลบหนี้ตามคำพิพากษาระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว จำเลยยังกลับมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์อีก จำเลยย่อมไม่ได้รับความเสียหายจากการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะให้โจทก์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษา มาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๕๔,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๙ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้โจทก์ชำระเงินจำนวน ๒๕๗,๕๖๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย กับให้ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยตกเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ศาลอ่านคำพิพากษาวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๒ ครบกำหนดอุทธรณ์วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๓ โจทก์ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ๓๐ วัน จึงครบกำหนดวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ โจทก์ยื่นอุทธรณ์ (วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๓ ) พ้นกำหนดระยะเวลาจึงไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออนุญาตไม่นำเงินมาชำระ ตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งคำร้องทั้งสองฉบับของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องทั้งสองฉบับของโจทก์ทำนองเดียวกันว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๒๓๔ โจทก์จะอ้างเหตุตามคำร้องไม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยก คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์มิได้นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือ หาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๓๔ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การที่ ป.วิ.พ. มาตรา ๒๓๔ บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ ต่อศาลชั้นต้นนั้น สืบเนื่องจากเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ผู้แพ้คดีจะต้องถูกบังคับคดีตามคำพิพากษา หากผู้แพ้คดีจะให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ กระบวนการในการบังคับคดีย่อมต้องล่าช้าไป โดยเฉพาะหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ผู้ชนะคดีอาจต้องเสียประโยชน์เพราะความล่าช้าดังกล่าวโดยมิใช่ความผิดของตน จึงควรให้ผู้ชนะคดีมีหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษา มิฉะนั้น ผู้แพ้คดีอาจใช้บทบัญญัติของกฎหมายในส่วนนี้เพื่อประวิงการบังคับคดี แต่คดีนี้นอกจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน ๒๕๗,๕๖๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยแล้ว ศาลชั้นต้นยังพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๕๔,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๙ จนกว่าจะชำเสร็จแก่โจทก์ด้วย ดังนี้ หากต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์และเป็นผลให้คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อหักลบกลบหนี้ตาม คำพิพากษาระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว จำเลยยังกลับมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์อีก จำเลยย่อมไม่ได้รับความเสียหายจากการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์แต่ประการใด จึงไม่มีเหตุที่จะให้โจทก์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๓๔
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ใหม่แล้วมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ .