คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บริษัท ค. เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเลขที่ 1135ไว้ต่อโจทก์ มีเงื่อนไขว่าจำเลยร่วมกับ ส. ลงชื่อพร้อมประทับตราของบริษัทเบิกเงินได้ และจำเลยเปิดบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 7603 มีเงื่อนไขว่า ถ้าหากเงินในบัญชีเลขที่ 1135 มีไม่พอจ่ายให้โอนเงินจากบัญชีเลขที่ 7603 ได้ ต่อมาโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 30,000 บาท แก่ผู้ถือเช็คซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท ค. ที่สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเลขที่ 1135 ไปแต่เงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์ได้หักเงินจากบัญชีของผู้อื่นผิดไปและได้ชดใช้เงินให้ผู้นั้นแล้ว การที่โจทก์จ่ายเงินตามเช็คซึ่งมีตรา บริษัท ค. ประทับคู่กับลายมือชื่อจำเลยกรรมการเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อประโยชน์ของบริษัท ค. แต่ผิดเงื่อนไข จึงไม่ชอบ โจทก์จะมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเลขที่ 1135หรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัท ค. ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ลาภงอกจากการนั้น เงินจำนวน 30,000 บาท จึงไม่ใช่ลาภมิควรได้สำหรับจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406เรียกคืนจากจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 8 ธันวาคม 2528 บริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเลขที่ 1135 ต่อโจทก์ ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายคือจำเลยนายอภิชา ขาวทอง และนายสมนึก คลอดเพ็ญ มีเงื่อนไขว่า นายอภิชา คนเดียวพร้อมตราประทับสั่งจ่ายได้ หรือจำเลยกับนายสมนึกพร้อมตราประทับ หรือนายอภิชากับนายสมนึกพร้อมตราประทับมีอำนาจสั่งจ่ายได้ และวันเดียวกันนายอภิชาเปิดบัญชีออมทรัพย์ส่วนตัวอีกบัญชีหนึ่ง บัญชีเลขที่ 7603เงื่อนไขระบุว่า จำเลยเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินได้แต่ผู้เดียวต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2529 จำเลยทำหนังสือให้ความยินยอมแก่โจทก์ว่า กรณีจำเลยสั่งจ่ายเช็ค บัญชีเลขที่ 1135 เงินไม่พอจ่าย ให้โจทก์หักเงินฝากจากบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 7603 ได้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2530 จำเลยออกเช็คบัญชี 1135 สั่งจ่ายเงิน30,000 บาท ให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้จ่ายเงินไปโดยบัญชีเลขที่ 1135 มีเงินไม่เพียงพอ โจทก์เจตนาหักเงินจากบัญชีเลขที่7603 แต่หักเงินผิดบัญชีโดยหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 6731ซึ่งเป็นบัญชีของนายวิเชียร กิจวานิชย์ ต่อมาโจทก์ตรวจสอบบัญชีเลขที่ 7603 ของจำเลยพบว่ามีเงินไม่เพียงพอ ในวันที่ 1 เมษายน 2530 จำเลยได้ถอนเงินออกไปก่อนโจทก์ตรวจพบจึงไม่สามารถหักจ่ายกันได้ โจทก์จึงมีหนังสือแจ้งให้จำเลยชำระแต่จำเลยขอเวลา วันที่ 11 มิถุนายน 2530 โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยและบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัดเจ้าของบัญชี ซึ่งจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายให้นำเงินคืนโจทก์ แต่กลับแจ้งปิดบัญชีและเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายดังกล่าวจำเลยลงลายมือชื่อผู้เดียวเป็นการผิดเงื่อนไข จำเลยต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์เสียหายไม่ได้รับชดใช้เงินคืน 30,000 บาท กับค่าเสียหายในดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงิน32,053.17 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีนิติกรรมใดผูกพันกับโจทก์เป็นส่วนตัว บัญชีเงินฝากกระแสรายวันเลขที่ 1135 เป็นของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด และบัญชีออมทรัพย์เลขที่7603 ก็เป็นของนายอภิชา ขาวทอง โจทก์ต้องว่ากล่าวเอากับเจ้าของบัญชีดังกล่าว เช็คพิพาทตามฟ้องโจทก์ได้หักบัญชีกันเรียบร้อยก่อนจะหยุดเดินบัญชี จำเลยไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ฐานลาภมิควรได้ เพราะเช็คที่สั่งจ่ายเป็นเช็คที่ไม่ชอบโจทก์ทราบดีแล้วว่าจำเลยแต่ลำพังไม่อาจสั่งจ่ายเช็คได้ การที่โจทก์ใช้เงินตามเช็คไปเป็นการกระทำตามอำเภอใจ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าก่อนพิพาท บริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 1135 ต่อโจทก์ สาขาสุราษฎร์ธานีตามคำขอเปิดบัญชีเอกสารหมาย จ.4 มีเงื่อนไขการสั่งจ่ายเบิกเงินออกจากบัญชีว่านายอภิชาคนเดียวหรือจำเลยร่วมกับนายสมนึกลงชื่อหรือนายอภิชากับนายสมนึกร่วมกันลงชื่อพร้อมกับประทับตราสำคัญของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด เบิกเงินได้และจำเลยเปิดบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 7603 ในนามนายอภิชามีเงื่อนไขว่าจำเลยเพียงผู้เดียวมีอำนาจเบิกถอนเงินได้ ถ้าหากเงินในบัญชีเลขที่ 1135 มีไม่พอจ่ายให้โอนเงินจากบัญชีเลขที่ 7603 ได้ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2530 มีผู้ถือเช็คเอกสารหมาย จ.7 ลงลายมือชื่อจำเลยแต่ผู้เดียวพร้อมประทับตราบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด สั่งจ่ายเบิกเงินจากบัญชีเลขที่ 1135จำนวนเงิน 30,000 บาท แต่เงินในบัญชีเลขที่ 1135 ไม่พอจ่าย โจทก์ได้หักเงินจากบัญชีเลขที่ 6731 ของนายวิเชียร กิจวานิชย์ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเจตนาหักเงินจากบัญชีเลขที่ 7603 แต่หักเงินผิดบัญชี คดีมีปัญหาว่า จำเลยจะต้องคืนเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้ชดใช้นายวิเชียรไปหรือไม่ ได้ความจากนางสาวอรุณี ดาโลดม ผู้จัดการธนาคารโจทก์ สาขาสุราษฎร์ธานีและนางสาวจงจิตร ออมทรัพย์สิน ซึ่งทำหน้าที่สมุห์บัญชีโจทก์ สาขาสุราษฎร์ธานี ว่าการเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 1135 ก็เพื่อประโยชน์ของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด ถ้าหากเจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์ตรวจพบว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายตามเช็คไม่เหมือนกับลายมือชื่อในตัวอย่างที่ให้ไว้ต่อธนาคาร หรือไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเหตุผลว่าลายมือชื่อไม่สมบูรณ์ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.7 มีเพียงลายมือชื่อจำเลยเท่านั้น แต่มีลักษณะคล้ายลายมือชื่อนายสมนึก คลอดเพ็ญ อยู่ด้วยซึ่งไม่เหมือนกับตัวอย่างลายมือชื่อเอกสารหมาย จ.5 เห็นว่าการที่โจทก์จ่ายเงินตามเช็คให้เจ้าหนี้บริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด ตามเช็คเอกสารหมาย จ.7ซึ่งมีตรา บริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด ประทับคู่กับลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายและตามใบหักเงินเอกสารหมาย จ.12เป็นการจ่ายเงินจากบัญชีเลขที่ 1135 เพื่อประโยชน์ของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด โดยอาศัยข้อตกลงกับบริษัทดังกล่าวทั้งการที่จำเลยลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายก็เป็นการลงนามในฐานะกรรมการบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด เมื่อฟังได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คเป็นการผิดเงื่อนไขข้อตกลงตามคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.4 ตัวอย่างลายมือชื่อเอกสารหมาย จ.5 จึงเป็นการจ่ายเงินโดยไม่ชอบ โจทก์จะมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเลขที่ 1135 หรือไม่เพียงใด เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด และเมื่อฟังว่าโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.7 เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด เป็นการสมประโยชน์ของบริษัทคลังสินค้าสินสืบสุข จำกัด กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นเพียงกรรมการบริษัทได้ลาภงอกจากการนั้น เงินจำนวน30,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้จ่ายตามเช็ค ไม่ใช่ลาภมิควรได้สำหรับจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 โจทก์เรียกคืนจากจำเลยไม่ได้”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share