แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อยในงานมหรสพ ย่อมมีอำนาจที่จะทำการจับกุมคนเพื่อที่จะป้องกันมิให้เกิดระส่ำระสายไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในงานมหรสพนั้นได้.
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อยในงานมีลิเฉลองตลาดและกฐิน เจ้าของงานได้ขอให้จำเลยกับพวกไปบอกให้คนที่ยืนดูลิเกนั่ง ถ้าใครไม่สมัครจะนั่งก็ขอให้ออกไปยืนข้างหลัง พอบอกมาถึงโจทก์ๆ เอะอะและขัดขืน พลตำรวจคิดว่าขัดขืนเอะอะจะจับ โจทก์กลับด่าหมิ่นประมาท จำเลยดึงมือโจทก์จะพาตัวไปโจทก์ก็สลัดมือแล้วชกต่อยจำเลยๆ จึงใช้ไฟฟ้าเดินทางมัดหมัดโจทก์ แล้วพลตำรวจซึ่งอยู่ที่แพเจ้าของงาน ศาลชั้นต้นเห็นว่างานที่พลตำรวจเทียมจำเลยไปบอกให้คนยืนดูลิเกนั่งตามคำร้องขอของเจ้าของงานเป็นการกระทำนอกหน้าที่ เพราะคนดูลิเกมิได้ละเมิดกฏหมาย หรือก่อการไม่สงบเรียบร้อยอย่างใด การที่จับโจทก์ไปมอบนายตำรวจนั้น จำเลยกระทำโดยไม่มีอำนาจพิพากษาว่าจำเลยผิดกฏหมายอาญามาตรา ๒๗๐ วรรคต้นลงโทษจำคุก ๑๐ วัน แต่รอการลงอาญาไว้
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในที่เกิดเหตุ ที่จำเลยบอกให้ประชาชนที่ดูลิเกนั่งก็โดยเจตนาจะรักษาความเรียบร้อย การที่จับกุมโจทก์ซึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามคำขอร้องของจำเลย กับยังกล่าวหมิ่นประมาทจำเลยกับพวกตำรวจอีกนั้น เป็นการกระทำที่จะพึงกระทำได้โดยชอบด้วยกฏหมายพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อยในงานมหรสพ เมือเจ้าของงานร้องขอให้จำเลยไปบอกให้ผู้ดูนั่งดูมหรสพ จำเลยจึงไปร้องขอให้นั่งดูกันให้เรียบร้อย โจทก์เอะอะไม่ยอมนั่งแล้วกล่าวคำผรุสวาทหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจนจะเกิดการไม่เรียบร้อยขึ้น จำเลยจึงคุมตัวโจทก์ไปรายงานยังเจ้าหน้าที่เหนือขึ้นไปจัดการดังนี้จำเลยย่อมกระทำได้ ส่วนที่โจทก์ถูกกักขังตัวอยู่ที่แพซึ่งนายตำรวจประจำอยขณะนั้นไม่เกี่ยวกับตัวจำเลยต่อไป เพราะจำเลยรายงานส่งตัวโจทก์ต่อนายตำรวจแล้วก็กลับไปรักษาหน้าที่ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโจทก์