คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2667/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามมิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยแต่จังหวัดมหาสารคามจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายโดยสภาพแล้วไม่สามารถกระทำการด้วยตนเองได้ เว้นแต่จะกระทำโดยทางผู้แทนดังที่กฎหมายบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามจึงเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ในการแสดงเจตนาแทน คำสั่งของ ส. ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์จึงเป็นคำสั่งของจำเลยที่ 1 นั่นเอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 แม้ประเด็นที่พิพาทคู่ความได้นำสืบข้อเท็จจริงกันมาเสร็จสิ้นเป็นการเพียงพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวเสียเองได้แต่เมื่อผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิการฎีกาของคู่ความได้ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จำเลยที่ 2รับราชการเป็นนายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม จำเลยทั้งสองร่วมกันมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2880 ตำบลก้ามปู อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคามโดยอ้างว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์โคกหนองม่วง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวหากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิใช่เป็นผู้มีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่โจทก์จะจับจองทำประโยชน์ เพราะเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน นายไสว พราหมณีผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามจึงมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์เสีย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า นายไสว พราหมณี ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นผู้ออกคำสั่งของจังหวัดมหาสารคามมีผลทำให้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ถูกเพิกถอนเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ทั้งเพียงแต่เป็นผู้แจ้งคำสั่งของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ทราบเท่านั้น จึงไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2880 ตำบลก้ามปู อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคามได้ออกทับที่สาธารณประโยชน์โคกหนองม่วง จำเลยที่ 1 มีอำนาจสั่งเพิกถอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 การออกคำสั่งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำโดยชอบแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางถวิล พานดวงแก้ว บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจังหวัดมหาสารคามเป็นจำเลยโดยมิได้ฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้หรือไม่ การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่านายไสว พราหมณี ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้มีคำสั่งจังหวัดมหาสารคามที่ 1928/2530 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 2880 ตำบลก้ามปู อำเภอพยัคฆภูมิพิสัยจังหวัดมหาสารคาม ของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามมิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายโดยสภาพแล้วไม่สามารถกระทำการด้วยตนเองได้เว้นแต่จะกระทำโดยทางผู้แทน ดังที่กฎหมายบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามจึงเป็นผู้แทนของจังหวัดมหาสารคามในการแสดงเจตนาแทน คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งของจังหวัดมหาสารคามจำเลยที่ 1 นั่นเอง จำเลยที่ 1จะปฏิเสธเสียซึ่งความรับผิดเกี่ยวกับคำสั่งนั้นหาได้ไม่ ดังนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1ยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินของโจทก์ได้ออกทับที่สาธารณประโยชน์โคกหนองม่วงหรือไม่แม้คู่ความจะได้นำสืบข้อเท็จจริงกันมาเสร็จสิ้นเป็นการเพียงพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวไปเสียเองได้ก็ตาม แต่เห็นว่าประเด็นนี้สมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นผู้วินิจฉัยเพราะผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิการฎีกาของคู่ความได้”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่

Share