คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การบังคับคดีเป็นสิทธิตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 โจทก์จะบังคับคดีเมื่อใดภายใน 10 ปี จึงเป็นสิทธิที่โจทก์สามารถทำได้โดยชอบ จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่ชำระหนี้ เมื่อจำเลยไม่ชำระ จึงต้องรับผิดในหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนดอกเบี้ยที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษามิใช่เป็นผลจากการที่โจทก์ไม่ดำเนินการบังคับคดี การที่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีในทันทีทำให้จำเลยเป็นหนี้โจทก์มากขึ้นจึงมิใช่เหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษในคดีแพ่งเป็นเงิน1,270,186.50 บาท โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ไว้แก่โจทก์เพื่อนำออกขายทอดตลาดแล้ว โจทก์ตีราคาหลักประกัน 600,000 บาทซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เงินยังขาดอยู่อีก 670,186.50บาท นอกจากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันดังกล่าวแล้วไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้แก่โจทก์ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยไม่ยื่นคำให้การ

ระหว่างพิจารณาบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด ยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีเป็นเหตุให้จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพิ่มมากขึ้นถือเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลายหรือไม่ เห็นว่าการบังคับคดีเป็นสิทธิตามกฎหมาย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ดังนั้นโจทก์จะดำเนินการบังคับคดีเมื่อใดภายในกำหนด 10 ปี จึงเป็นสิทธิที่โจทก์สามารถทำได้โดยชอบ จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่นำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ชำระจึงต้องรับผิดในหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนดอกเบี้ยที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษาแก่โจทก์ หาใช่เป็นผลจากการที่โจทก์ไม่ดำเนินการบังคับคดีแต่อย่างใด ดังนั้นการที่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีในทันทีจึงมิใช่เหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14

Share