คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 189/2541 ของศาลชั้นต้น รวมเป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือน ในความผิดต่อ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 451/2543 ของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 คดีถึงที่สุดแล้วซึ่งในคดีดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นวันภายหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2539 จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีฯ จำเลยจึงเป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 56 ที่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 78 วรรคหนึ่ง, 157, 160 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก1 ปี ฐานหลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือ จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า ปรากฏจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ซึ่งศาลชั้นต้นอ่านให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยไม่คัดค้านเป็นอย่างอื่นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 189/2541 ของศาลชั้นต้น รวมเป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือน ในความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 451/2543 ของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งในคดีดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นภายหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2539 จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ.2539 จำเลยจึงเป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่ศาลฎีกาจะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share