แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนขู่ ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงแม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงในการปล้นทรัพย์ด้วย ก็ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกหนักกว่าอัตราโทษจำคุกฐานปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่ได้เพราะเป็นการเกินคำขอและโจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญบังคับผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน กับนับโทษจำเลยติดต่อกับโทษในคดีอีกสำนวนหนึ่ง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 1 รับในข้อต้องโทษ และในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ไปแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1มีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้จำคุก 20 ปี นับโทษต่อให้ตามขอและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนด้วย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงในการปล้นด้วย แต่คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนขู่ ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกหนักกว่าอัตราโทษจำคุกฐานปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงในการปล้นทรัพย์ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ และโจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนยิงจึงไม่ชอบ
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 ให้จำคุก 10 ปี ขอคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ และขอให้นับโทษติดต่อ บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น