แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นนั้น กฎหมายต้องการให้เป็นความผิดลักษณะเดียวกัน ฉะนั้น การมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในขณะเดียวกัน จึงเป็นความผิดแต่กระทงเดียว (อ้างฎีกาที่ 895/2502)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2517 เวลากลางวัน จำเลยมีฝิ่นสุก 1 ห่อ มูลฝิ่น 1 ห่อ กล้องสูบฝิ่น 1 กล้องไว้ในความครอบครอง แล้วจำเลยเสพฝิ่นทั้งนี้ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลาง คือ ฝิ่นสุก มูลฝิ่น กล้องสูบฝิ่น ดังกล่าวข้างต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472 มาตรา 8, 11, 34, 53, 53 ทวิ, 66, 69 พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2502 มาตรา 5, 6 พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2476 มาตรา 9 ความผิดฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่น ให้ลงโทษฐานมีฝิ่นตามมาตรา 53 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ฐานมีกล้องสูบฝิ่น จำคุก 1 เดือน ฐานเสพฝิ่น จำคุก 6 เดือน รวมลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 1 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพโดยดีเป็นเหตุบรรเทาโทษ ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 6 เดือน 15 วัน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในขณะเดียวกัน เป็นความผิด 2 กระทง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นให้ลงโทษจำเลยฐานมีมูลฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2502 มาตรา 6 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 6 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพโดยดีเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในขณะเดียวกัน เป็นความผิดกระทงเดียว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นและมูลฝิ่นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2517 เวลากลางวัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีฝิ่นและมูลฝิ่นต่างกรรมต่างวาระกัน ความผิดฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นนั้นกฎหมายต้องการให้เป็นความผิดลักษณะเดียวกัน กล่าวคือวัตถุที่ต้องห้ามมิให้มีจะเป็นฝิ่นก็ดีหรือมูลฝิ่นก็ดี กฎหมายถือว่าเป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ฉะนั้นการมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดแต่กระทงเดียว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น