คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้โอนที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านภายหลังที่ลูกหนี้ถูกฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว 15 วัน และให้ผู้คัดค้านรับโอนที่ดินทั้งสองแปลงไปแต่ผู้เดียว โดยที่ยังมีเจ้าหนี้อีกประมาณ 190 ราย ทั้งจำนวนหนี้สินก็มีมากกว่าทรัพย์สินเป็นอันมาก ย่อมเป็นที่เห็นได้โดยชัดแจ้งว่าลูกหนี้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115
การเพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115 มิได้บัญญัติให้คำนึงถึงความสุจริตและค่าตอบแทนของผู้รับโอน แต่ให้พิจารณาถึงความมุ่งหมายของลูกหนี้ว่าจะให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นหรือไม่เท่านั้น
กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนมุ่งคุ้มครองทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ตลอดจนประชาชนเป็นส่วนรวมมาตรา 115 เป็นกรณีหนึ่งที่มุ่งถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าว จึงได้บัญญัติให้ศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย และภายหลังนั้นโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายดังนั้นการเพิกถอนการโอนในกรณีเช่นนี้จึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้ได้โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดิน ๒ แปลงให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ ต่อมาผู้คัดค้านที่ ๑ ได้นำไปขายฝากแก่ผู้คัดค้านที่ ๒ และไม่ได้ไถ่คืน ทั้งเป็นการโอนภายหลังที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ผู้รับโอนได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น จึงขอให้สั่งเพิกถอน
ผู้คัดค้านทั้งสองคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ ๑ ซื้อที่ดินดังกล่าวจากลูกหนี้ที่ ๑ โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน และผู้คัดค้านที่ ๒ ได้รับซื้อฝากที่ดินทั้งสองแปลงจากผู้คัดค้านที่ ๑ ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ไม่มีเจตนาเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่นทั้งกระทำก่อนลูกหนี้ทั้งสองถูกฟ้องให้ล้มละลาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่พิพาททั้งสองแปลงระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านที่ ๑ และระหว่างผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้คัดค้านที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ลูกหนี้ที่ ๑ โอนที่พิพาทให้ผู้คัดค้านที่ ๑ ภายหลังที่ลูกหนี้ที่ ๑ ถูกฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว ๑๕ วัน และให้ผู้คัดค้านที่ ๑ ได้รับโอนที่ดินทั้งสองแปลงไปแต่ผู้เดียว โดยที่ยังมีเจ้าหนี้อื่นอีกประมาณ ๑๙๐ ราย ทั้งจำนวนหนี้สินก็มีมากกว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมได้เป็นอันมากเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้โดยชัดแจ้งอยู่ในตัวว่า ลูกหนี้ที่ ๑ กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น จึงเป็นการโอนที่ต้องเพิกถอนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๕
การเพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๕ มิได้บัญญัติให้คำนึงถึงความสุจริตและค่าตอบแทนของผู้รับโอนแต่ให้พิจารณาถึงความมุ่งหมายของลูกหนี้ว่าจะให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นหรือไม่เท่านั้น
กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน มุ่งคุ้มครองทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ตลอดจนประชาชนเป็นส่วนรวมมาตรา ๑๑๕ ที่ได้วินิจฉัยมาแล้วก็เป็นกรณีหนึ่งที่มุ่งถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าวจึงได้บัญญัติให้ศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายและภายหลังนั้นโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ดังนั้นการเพิกถอนการโอนในกรณีเช่นนี้ จึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share