แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างจึงถือไม่ได้ว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องร่วมรับผิดด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.ฟ-2317 ของนายจุล จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนก.ท.ฟ.-9265 และเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 คันดังกล่าวไปตามทางการที่จ้างด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฟ 2317 ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้จ่ายค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่นายจุลไปแล้ว จึงขอสวมสิทธิเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยทั้งสาม พร้อมทั้งดอกเบี้ย
ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง โจทก์ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าดำเนินคดีแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีหลายประการ
จำเลยที่ 3 ให้การว่า เหตุที่เกิดเป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงหลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาประกันภัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่าเหตุที่รถชนกันเป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคแรก นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้าง โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลผู้ต้องเสียหายจึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 จำเลยที่ 3 จะไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในกรณีที่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น ทั้งความวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จึงถือไม่ได้ว่าเหตุได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 879 วรรคแรก
พิพากษายืน