คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยอ้างคำพิพากษาของศาลเป็นหลักฐานประกอบหนี้และเสียค่าธรรมเนียมยื่นคำขอรับชำระหนี้ 25 บาท เท่ากับอัตราค่ายื่นคำขอรับชำระหนี้อย่าง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แม้ในชั้นสอบสวนเจ้าหนี้อ้างส่ง สัญญาจำนองทรัพย์สินระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่ 5 ก็ตาม แต่เมื่อคำพิพากษาดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้มีการบังคับจำนอง เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้รวมอยู่ด้วยเช่นนี้เจ้าหนี้ คงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 130 (8) เท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๒๔ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว มีเจ้าหนี้ของลูกหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ รวมทั้งเจ้าหนี้รายนี้ ๑๔ ราย
เจ้าหนี้รายนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ๓,๙๐๑,๐๘๘.๑๗ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๕ ในฐานเป็นเจ้าหนี้มีประกัน โดยมีเงื่อนไขว่า ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยที่ ๕ จำนองไว้ชำระหนี้ ถ้าขาดอยู่เท่าใดขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๙๖ (๓) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายและลูกหนี้มาตรวจคำขอรับชำระหนี้ ไม่มีเจ้าหนี้รายใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว ทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นว่าเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๖๕/๒๕๒๑ ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ แต่คำพิพากษานั้นมิได้กล่าวถึงที่ดินที่ลูกหนี้จำนองไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในคดีนั้นแต่อย่างใด และคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วเจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๕ เป็นเงิน ๓,๘๔๐,๓๕๓.๒๑ บาท ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๘) โดยมีเงื่อนไขว่า หากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากบริษัท ไทย เอ.แอนด์.อี. จำกัด จำเลยที่ ๑ และนายขี่หยู แซ่ฉั่ว จำเลยที่ ๓ ในคดีแพ่งดังกล่าวเพียงใด ก็ให้สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีนี้ลดลงไปเพียงนั้น ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสียศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า มีปัญหาว่าเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานเป็นเจ้าหนี้มีประกันในทางจำนองหรือไม่ เห็นว่า เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยอ้างคำพิพากษาของศาลเป็นหลักฐานประกอบหนี้ และเสียค่าธรรมเนียมยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเงิน ๒๕ บาท เท่ากับอัตราค่ายื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแม้ในชั้นสอบสวนเจ้าหนี้อ้างส่งสัญญาจำนองทรัพย์สินรายนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่ ๕ เป็นพยานก็ตาม แต่เมื่อคำพิพากษาดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้มีการบังคับจำนองเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้รวมอยู่ด้วยเช่นนี้ คดีจึงต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๘) เท่านั้น
พิพากษายืน

Share