คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้ว และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอด ส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดอยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดและเป็นที่ดินของผู้อื่น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลง ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครองและเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้อง ไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ ทะเบียนครอบครองเล่ม (๕) ๘ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๒ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ศาลจังหวัดชลบุรีได้ดำเนินการบังคับคดีแทนศาลแพ่งได้ยึดที่ดินตามที่โจทก์นำชี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด นายจำรัสอัศวเรืองชัย ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อได้ และได้ชำระเงินให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ครบถ้วนแล้ว ศาลจังหวัดชลบุรีมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบางละมุงขอให้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง แต่นายอำเภอบางละมุงได้แจ้งมาว่าที่ดินแปลงนี้ยังไม่มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) หรือออกโฉนดที่ดินแต่อย่างใด จึงไม่สามารถโอนให้แก่ผู้ร้อง และที่ดินแปลงนี้ยังอยู่ในบริเวณที่ได้สร้างระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดินไว้แล้ว จึงไม่สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ ได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบและแนะนำให้ไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีเพื่อดำเนินการขอรังวัดรับโฉนดที่ดินต่อไป ผู้ร้องได้ไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีแล้ว ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีแจ้งว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดนั้น จำเลยได้แจ้งขอรังวัดออกโฉนดที่ดินไปแล้ว และได้โอนขายให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วเกือบ ๓๐ ปี ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้อง ศาลจังหวัดชลบุรีไต่สวนแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลแพ่งเพื่อมีคำสั่งต่อไปศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ดินของจำเลยตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ จำเลยได้โอนขายให้แก่บุคคลภายนอกไปนานแล้วและที่ดินที่โจทก์นำยึดขายทอดตลาดคดีนี้เป็นของบุคคลอื่น จำเลยไม่มีสิทธิครอบครองมาก่อน โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดเอาที่ดินของบุคคลภายนอกมาขายทอดตลาด การยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดไม่ชอบเมื่อการบังคับคดีไม่ชอบเกิดจากความผิดพลาดในการนำยึดของโจทก์ และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองให้แก่ผู้ร้องก็ต้องคืนเงินให้แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนในการคืนเงินให้แก่ผู้ร้อง คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์และผู้ร้องยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ของศาลจังหวัดชลบุรีว่าที่ดิน ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอด ขณะนี้บริษัท ยู.เค. ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ซึ่งได้ก่อสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศชื่อวิลลานาวิน เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ปรากฏตามหลักฐานเอกสารหมาย ร.๑ ที่ดินแปลงนี้จึงเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึด ส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดได้อาศัยหลักฐานจาก ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ ของจำเลยแต่โจทก์นำชี้ให้ยึดที่ดินที่อยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ ตามแผนที่ระวางในเอกสาร หมาย ร.๒ ที่ดิน ส.ค.๑ เลขที่ ๓๙๙ อยู่ตรงแนวเส้นล้อมรอบสีแดงหมายเลข ๑ ส่วนที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดอยู่ตรงบริเวณแนวล้อมรอบเส้นสีแดงหมายเลข ๒ เดิมเป็นที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๓๔๒ มีชื่อนางดิฐการภักดี เป็นผู้ครอบครองและได้ออกโฉนดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ ตามเอกสารหมาย ร.๓ ขณะนี้ที่ดินยังว่างเปล่าอยู่เห็นว่า เมื่อโจทก์และผู้ร้องยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้ว กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้นำชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลงโดยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปยึดที่ดินของผู้อื่น ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนี้จึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครอง และเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้องโดยผู้ร้องไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๓๓๐ การที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share