แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีอาชีพรับจ้างซ่อมรถยนต์ จำเลยจ้างโจทก์ให้มีหน้าที่ไปประจำอยู่ที่บริษัท ร. เพื่อตีราคาค่าซ่อมรถที่เกิดอุบัติเหตุและหาลูกค้านำรถมาซ่อมที่อยู่ของจำเลย โจทก์หาบุคคลนำรถยนต์ไปประกันกับบริษัท ร. และรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยแล้วกลับนำไปใช้ส่วนตัวไม่นำส่งบริษัท ร. ทำให้บริษัท ร. ไม่ส่งงานให้จำเลยดังนี้เป็นการที่โจทก์ประพฤติในทางไม่สุจริต ทำให้จำเลยขาดรายได้ จึงมีเหตุเพียงพอที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่การกระทำของโจทก์ไม่ต้องตามกรณีหนึ่งกรณีใดตามข้อ 47 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ทั้งมิใช่การกระทำต่อจำเลยโดยตรง จึงมิใช่เป็นการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง หรือทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทันทีจึงต้องชำระค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหาย ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุดและค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์มีหน้าที่ไปปฏิบัติงานที่บริษัทรัตนโกสินทร์ประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยมีหน้าที่ประเมินราคาค่าซ่อมรถยนต์ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตโดยรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์แล้วไม่ส่งให้บริษัทรัตนโกสินทร์ ฯ ทำให้บริษัทรัตนโกสินทร์ ฯ ระงับการส่งรถเข้าซ่อมที่อู่ของจำเลยทำให้จำเลยต้องเสียหายอย่างร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุดและค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนคำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยมีอาชีพรับจ้างซ่อมรถยนต์จำเลยจ้างโจทก์ให้มีหน้าที่ไปประจำอยู่ที่บริษัทรัตนโกสินทร์ประกันภัย จำกัด เพื่อตีราคาค่าซ่อมรถที่เกิดอุบัติเหตุและหาลูกค้านำรถมาซ่อมที่อู่ของจำเลย โจทก์หาบุคคลนำรถยนต์ไปประกันภัยกับบริษัทรัตนโกสินทร์ประกันภัย จำกัด และรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยมาแล้ว กลับนำไปใช้ส่วนตัวไม่นำส่งต่อบริษัทรัตนโกสินทร์ประกันภัย จำกัด เป็นการประพฤติในทางไม่สุจริต เป็นเหตุให้บริษัทนั้นห้ามไม่ให้พนักงานส่งงานให้จำเลยรับจ้าง และทำให้จำเลยขาดรายได้เป็นจำนวนมากจึงมีเหตุเพียงพอที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่การกระทำของโจทก์ดังกล่าวไม่ต้องตามกรณีหนึ่งกรณีใดตามข้อ ๔๗ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ทั้งมิใช่เป็นการกระทำต่อจำเลยโดยตรง จึงมิใช่การกระทำความผิดอย่างร้ายแรงหรือทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทันทีจึงต้องชำระค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง