คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนกับพวก ดังนี้ เป็นการใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกลักถั่วเขียว 118 กระสอบ ราคา120,000 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7), 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 120,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335 (7), 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 จำคุก 3 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์120,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าผู้เสียหายได้มอบถั่วเขียวจำนวน 118 กระสอบให้คนร้าย 3 คน บรรทุกรถบรรทุกไปส่งลูกค้าที่กรุงเทพมหานครจริงคงมีปัญหาว่า ผู้เสียหายและนายสองเมืองจำจำเลยได้จริงหรือไม่ เห็นว่านายแอ๊ดและจำเลยมาเจรจาตกลงรับขนสินค้าของผู้เสียหายไปกรุงเทพมหานครซึ่งมีสินค้าจำนวนมากการเจรจาเป็นเรื่องที่กระทำต่อหน้าเป็นเวลานานพอสมควร เมื่อตกลงกันแล้วผู้เสียหายไปกับจำเลยและพวกเพื่อรับสินค้าขึ้นรถอีก เป็นกรณีที่ผู้เสียหายอยู่ใกล้ชิดกับคนร้ายเป็นเวลานานหลายชั่วโมงส่วนนายสองเมืองก็ขนถั่วเขียวขึ้นรถยนต์บรรทุกเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง โดยนายแอ๊ดและจำเลยช่วยเรียงกระสอบ เชื่อได้ว่าผู้เสียหายและนายสองเมืองจำจำเลยได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นแม้พยานทั้งสองจะได้ดูรูปถ่ายของจำเลยก่อนและลายมือชื่อในใบส่งของจะไม่เหมือนลายมือชื่อของจำเลยดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ก็หาทำให้น้ำหนักคำพยานทั้งสองลดน้อยไปไม่ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยก่อสร้างบ้านให้พันเอกชำนาญ แต้สุจิ ที่จังหวัดเชียงรายนั้น เห็นว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่มีน้ำหนัก หากจำเลยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง การที่จะเปลี่ยนเป็นคนขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อสาธารณะในชั่วเวลาเพียง 3 เดือนน่าจะกระทำได้ยาก เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยขับรถยนต์บรรทุกมาก่อน เห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้ การที่จำเลยกับพวกนำรถสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของจำเลยกับพวกเสียเช่นนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาทุจริตคิดจะลักทรัพย์ของผู้เสียหายมาแต่แรก โดยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น’
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

Share