คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ ญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้หางานมิให้เสียเปรียบแก่ผู้จัดหางาน ความผิดของผู้จัดหางานจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากเจ้าพนักงาน รัฐจึงเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่จะดำเนินคดีแก่ผู้จัดหางานที่ไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงให้จ่ายเงินโดยไม่อาจหางานให้ทำได้ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยให้ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343, 41 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7, 27 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา30, 82 วางโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี ฟ้องโจทก์ข้อหาอื่นให้ยกเสียจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งแปดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์ทั้งแปดจะฟ้องจำเลยในข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 หรือพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้หางานมิให้เสียเปรียบแก่ผู้จัดหางาน ความผิดของผู้จัดหางานจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากเจ้าพนักงาน รัฐจึงเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่จะดำเนินคดีแก่ผู้จัดหางานที่ไม่ได้รับอนุญาต คดีนี้โจทก์ทั้งแปดมิได้เสียหายเพราะการที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางาน แต่เสียหายเพราะถูกจำเลยหลอกลวงให้โจทก์ทั้งแปดจ่ายเงินให้โดยไม่อาจหางานให้ทำได้ โจทก์ทั้งแปดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยให้ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานทั้งฉบับ พ.ศ.2511 และ พ.ศ. 2528 ได้ แม้โจทก์ทั้งแปดจะได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนแล้ว โจทก์ทั้งแปดก็ไม่มีอำนาจฟ้องด้วยตนเองให้จำเลยต้องรับโทษตามบทกฎหมายดังกล่าวได้”
พิพากษายืน

Share