แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อที่ว่า การซื้อขายเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกินกว่า500 บาท แต่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่นั้น เป็นปัญหาในอำนาจฟ้องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การซื้อขายกระดาษรายพิพาท จำเลยได้รับมอบกระดาษไปครบถ้วนตามที่สั่งซื้อแล้วถือว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดซึ่งมีการชำระหนี้แล้ว โจทก์ผู้ขายมีสิทธิฟ้องเรียกราคากระดาษได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อกระดาษจากโจทก์รวม 11 ครั้งเป็นเงิน 39,650 บาท ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินรวม 40,139 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นลูกค้า และไม่ได้เป็นหนี้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 39,650 บาทแก่โจทก์กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้ซื้อกระดาษและค้างชำระหนี้โจทก์หรือไม่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยต้องกันมาว่า จำเลยได้ซื้อเชื่อกระดาษไปจากโจทก์ นายไพโรจน์และนายมานะพี่ชาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเคยเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คค่ากระดาษมอบให้นายเตียงเอี๋ยวมาให้โจทก์ ข้อที่จำเลยฎีกาว่าการซื้อขายกระดาษรายพิพาทนี้เป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 500 บาท แต่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ในศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาในอำนาจฟ้องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นว่า ในการซื้อขายกระดาษรายพิพาทนี้ จำเลยได้รับมอบกระดาษไปครบถ้วนตามที่สั่งซื้อแล้ว ถือว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดซึ่งได้มีการชำระหนี้แล้วโจทก์ผู้ขายมีสิทธิฟ้องเรียกราคากระดาษได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยต่อไปว่าเช็คหมาย จ.3 จ.4 มีผลผูกพันจำเลยเพียงไรหรือไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกเงิน จำเลยตามเช็คนั้น
พิพากษายืน