คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2612/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น.ขายนาพิพาทให้แก่จำเลยโดยมิได้แจ้งการขายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าทำนาทราบ โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41
โจทก์ร้องเรียนต่อกรมการอำเภอเพื่อขอซื้อนาพิพาทจากจำเลย กรมการอำเภอบันทึกเปรียบเทียบคดีไว้ว่า “ให้จำเลยขายนาพิพาทแก่โจทก์ จำเลยไม่ตกลงขายแต่ยินยอมให้โจทก์เช่านาทำต่อไป โจทก์ตกลง ถ้าโจทก์ประสงค์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาล” และบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยไว้ว่า “โจทก์ตกลงเช่าทำนาต่อไป จำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนา แต่ยังไม่ยอมขายให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์เสนอ” ดังนี้ บันทึกดังกล่าวมีแต่ข้อตกลงเรื่องการเช่านาพิพาทซึ่งแม้จะไม่มีข้อตกลงโจทก์ก็มีสิทธิเช่าจากจำเลย ไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ในเรื่องซื้อนาพิพาทและไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์สละสิทธิการซื้อนาพิพาทจากจำเลย แต่มีข้อความว่าถ้าโจทก์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องยังศาล ทั้งตอนท้ายบันทึกยังมีว่าผลการเปรียบเทียบไม่อาจตกลงกันได้ตามความประสงค์ของโจทก์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าสิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทยังตกลงกันไม่ได้ และยังไม่ได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน จึงไม่ให้สิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทระงับไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่านาจาก น. ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ต่อมา น.ขายนาดังกล่าวให้กับจำเลยโดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาจากจำเลยในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่ น.ขายให้กับจำเลย จึงขอให้จำเลยขายให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อจำเลยซื้อนาแล้ว โจทก์จำเลยได้ตกลงกันต่อเจ้าหน้าที่อำเภอว่า โจทก์ขอเช่านาทำต่อไป จำเลยไม่ขายตามราคาที่โจทก์เสนอ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะไม่ขายให้โจทก์
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ตกลงเช่านาของจำเลยต่อไป สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทจากจำเลยระงับไป พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาที่โจทก์จำเลยทำไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เช่านาพิพาทจาก น.ก่อนวันที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ใช้บังคับ ระยะเวลาการเช่านาจึงมีกำหนด ๖ ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับตามมาตรา ๔๖ และตามมาตรา ๒๙ การเช่านาย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธินาที่เช่า โจทก์จึงมีสิทธิเช่านาพิพาทจากจำเลยจนกว่าจะครบกำหนดเวลา เหตุที่โจทก์ไปร้องเรียนต่อกรมการอำเภอก็เพื่อขอซื้อนาพิพาทจากจำเลยเป็นข้อสำคัญ กรมการอำเภอบันทึกเปรียบเทียบคดีไว้ว่า ให้จำเลยขายนาพิพาทแก่โจทก์ตามมติของคณะกรรมการควบคุมการเช่านา จำเลยไม่ตกลงขาย แต่ยินยอมให้โจทก์เช่านาทำต่อไป โจทก์ตกลงเช่า ถ้าโจทก์ประสงค์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาลภายใน ๖๐ วัน และบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยไว้ว่า โจทก์ตกลงเช่าทำนาต่อไป จำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนา แต่ยังไม่ยอมขายให้แก่โจทก์ในราคาที่โจทก์เสนอ ดังนั้น บันทึกดังกล่าวมีแต่ข้อตกลงเรื่องการเช่านาพิพาทที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย แม้ไม่มีข้อตกลงโจทก์ก็มีสิทธิเช่าจากจำเลย ไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ในเรื่องซื้อนาพิพาท และไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์สละสิทธิการซื้อนาพิพาทจากจำเลย แต่มีข้อความว่าถ้าโจทก์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาล ทั้งตอนท้ายบันทึกยังมีข้อความว่าผลของการเปรียบเทียบไม่อาจตกลงกันได้ตามความประสงค์ของโจทก์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าสิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทยังตกลงกันไม่ได้และยังไม่ได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน จึงไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทระงับไป
พิพากษายืน.

Share