แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วได้ส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอ่านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา209เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการให้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา182ต่อไปการที่มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา182ต่อไปการที่มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นระยะๆ และจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมไปบ้างแล้วเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาใหม่เพราะหนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นยังไม่สิ้นผลผูกพันการที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปโดยมิได้ส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์พร้อมทั้งรายงานการชำระหนี้ของจำเลยให้ศาลอุทธรณ์ทราบจึงหาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นางสาวสุพรรณ ไชยจันลา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จำคุก1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษไว้
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ในวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ละคราวจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมไปบ้างแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์และรายงานให้ศาลอุทธรณ์ทราบเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วได้ส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอ่านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 209ก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการให้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 182 ต่อไป การที่มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นระยะ ๆ และจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมไปบ้างแล้วเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาใหม่ เพราะหนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นยังไม่สิ้นผลผูกพัน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปโดยมิได้ส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์พร้อมทั้งรายงานการชำระหนี้ของจำเลยให้ศาลอุทธรณ์ทราบ จึงหาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใดไม่ แต่กรณีมีเหตุอันสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 10,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 2 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์